ว.วชิรเมธี-บิณฑ์-ท็อป ดารณีนุช แนะคนไทยเลิกงมงายพึ่ง เขี้ยว-งา
โดย พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) เผยว่า พระพุทธเจ้าบอกให้จงเชื่อมั่นในการกระทำของตนเอง เพราะสิ่งที่เกิดจากการเข่นฆ่าจะใช่สิ่งที่เป็นมงคลหรือเปล่า ฉะนั้น การที่เราทำความดีไม่ว่าจะทำตอนไหน ตอนนั้นเป็นสิริมงคล หากเราทำดีวันไหน วันนั้นก็คือวันที่ดี ซึ่งตามหลังของชาวพุทธ มงคลในชีวิตนั้นขึ้นอยู่กับมันสมองและสองมือของเราเอง ดังนั้น พุทธคุณไม่มีทางที่จะไปอยู่ในเครื่องรางของขลังที่มาจากสิงห์สาราสัตว์ได้เลย เพราะพระพุทธคุณหมายถึง "ปัญญา ความบริสุทธิ์ และความเมตตาอาทร"
ด้าน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ มูลนิธิร่วมกตัญญู เล่าว่า ในอดีตเคยเชื่อและใช้ผลิตภัณฑ์สัตว์ป่า เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้สามารถปกป้องและนำความโชคดีมาให้ แต่ภายหลังได้พบว่าแม้จะมีสิ่งเหล่านี้ติดตัวก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะทุกวันนี้สิ่งที่ทำให้ตนยึดถือเพื่อให้มีชีวิตที่ดีก็คือ "การคิดดี ทำดี" แล้วความดีจะปกป้องเรา
"สิ่งที่ผมกราบไหว้คือพ่อแม่ที่บ้าน การช่วยเหลือคน การช่วยเหลือชีวิตสัตว์ ผมว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด" บิณฑ์ กล่าว
ขณะที่ ท็อป ดารณีนุช ปสุตนาวิน นักแสดงและพิธีกร บอกว่า จากเหตุการณ์ล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่ง จังหวัดกาญจนบุรี ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่ท็อปและเพื่อนๆ ริเริ่มโครงการ "ใครรักป่ายกมือขึ้น" เพื่อระดมทุนมอบกรรมธรรม์ประกันชีวิต อุบัติเหตุและสุขภาพเพื่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทั่วประเทศ ที่ต้องทำงานด้วยความเสี่ยงเพื่อปกป้องทรัพยากรทางธรรมชาติขิงแผ่นดินให้มีสวัสดิการชีวิตที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์งาช้างที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีอายุระหว่าง 30-49 ปี มีแนวโน้มจะได้รับงามช้างเป็นของขวัญ
"สิ่งของที่คิดว่ามีค่า แต่มาจากสัตว์ที่ถูกฆ่านั้นไม่อาจช่วยให้เรามีชีวิตที่ดีได้ และการซื้อเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ก็มีส่วนกระตุ้นให้ช้างและเสือในธรรมชาติตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกล่า ความก้าวหน้า ความสำเร็จในหน้าที่การงานมันเริ่มจากการลงมือปฏิบัติ และสิ่งที่จะสร้างมงคลให้กับชีวิตก็คือตัวเราเท่านั้น" ท็อป กล่าว