กทม. จัดซื้อ รถพ่นละอองน้ำ 6 คัน 50 ล้านบาท
ผู้อำนวยการ สำนักสิ่งแวดล้อม ย้ำว่ารถพ่นละอองน้ำที่ กทม.เตรียมจัดซื้อมีประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ได้ ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีมาก่อน และยอมรับว่ารถพ่นละอองน้ำมีภารกิจในการบรรเทาปัญหาเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ต้นทางได้ แต่จำเป็นต้องซื้อเพราะต้องแก้ไขเท่าที่ทำได้
แต่มีความเห็นจาก นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและ สุขภาพ ผู้ที่เฝ้าติดตามปัญหามลพิษทางอากาศ มองว่าการใช้เครื่องพ่นละอองน้ำ ต้องใช้เครื่องที่สามารถทำให้น้ำกลายเป็นฝอยขนาด ต่ำกว่า 2 ไมครอน เพราะจะสามารถดักจับฝุ่นPM 2.5 ได้ และต้องฉีดได้ไกลในระยะ 1 ร้อยเมตร
แต่หากเป็นเครื่องพ่นละอองน้ำทั่วไป เหมือนที่เคยใช้ในประเทศไทย ก็ไม่สามารถลดฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ ลักษณะของเครื่องพ่นละอองน้ำขนาด 2 ไมครอน มีใช้ในประเทศจีนและอินเดีย ส่วนที่ กทม.เตรียมจัดซื้อยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะต้องรอดูสเป็คที่กำหนด
ส่วนหอฟอกอากาศ ที่กรุงเทพมหานครร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
จะทดลองติดตั้ง 1 แห่ง บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้า หน้าศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ เขตปทุมวัน ก่อนขยายพื้นที่บริมเวณที่มีปริมาณฝุ่นละอองนาดเล็ก 5 เกินค่ามาตรฐานตลอดทั้งปี
โดยผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม ยืนยันว่ายังอยู่ในขั้นตอนศึกษา แต่หากทดลองแล้วได้ผล ก็จะของบประมาณจัดซื้อ ซึ่งมีราคาเครื่องละประมาณ 5.3 ล้านบาท
ประเด็นนี้นายสนธิ แสดงความเห็นว่า ต้องการให้ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ศึกษาจากหลายๆที่ เพราะในต่างประเทศก็มีการใช้เครื่องฟอกอากาศในลักษณะเดียวกัน แต่มีราคาถูกกว่า และใช้ได้ผล ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ โดยยกตัวอย่างเครื่องฟอกอากาศที่ใช้ในประเทศอินเดีย เพราะปัญหาฝุ่นPM 2.5 มีต้นเหตุที่คล้ายกัน
และมีต้นทุนอยู่ 3 หมื่นกว่าบาท
ขณะที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่าปัญหาฝุ่นละอองPM 2.5 ต้องแก้จากพฤติกรรมของประชาชน โดยเฉพาะคนที่รู้ตัวว่าใช้รถควันดำ ไม่ควรเอารถมาขับ ย้ำว่ารัฐบาลไม่ต้องการใช้มาตรการเข้มงวด เพราะอาจกระทบกับประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง
ส่วนภาพรวมสถานการณ์ฝุ่นPM 2.5 วันนี้เริ่มคลี่คลายไปแล้วหลายจุด เนื่องจากฝนตก สภาพอากาศเปิด หลายพื้นที่ค่าPM 2.5 อยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนดัชนีอากาศ หรือ AQI มีบางจุดทีี่ยังอยู่ในเกณฑ์สีส้ม เช่น เขตบางซื่อ และเขตดินแดง