พยาบาลยอมรับ งมงายเรื่องฉี่จนเอามาล้างแผลให้คนไข้ ร้ายแรงอาจถึงขั้นโดนเด้ง

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. น.ส.ประภัสสร พงศ์พันธุ์พิศาล ผู้ช่วยเลขาธิการสภาการพยาบาล กล่าวถึงกรณีมีรายงานพยาบาลใช้น้ำปัสสาวะล้างแผลผู้ป่วย ว่า ตนยอมรับว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่มีความเชื่อเรื่องการบริโภคปัสสาวะ ตนไม่ได้ดูหมิ่นดูแคลนความเชื่อนี้ พยาบาลจะมีความเชื่อนี้ตนก็ไม่ว่า แต่ย้ำว่าการใช้ปัสสาวะเป็นของเสียที่ร่างกายขับออก ไม่ใช่สิ่งที่พยาบาลจะเอามาล้างคนไข้ นี่ไม่ใช่ศาสตร์และศิลป์ของการประกอบวิชาชีพ และเป็นการไม่เคารพสิทธิผู้ป่วยด้วย คนไข้ทราบหรือไม่ว่าพยาบาลเอาน้ำปัสสาวะมาล้างแผลให้ ทั้งนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ พยาบาลต้องคำนึงถึงมาตรฐาน และความปลอดภัยของผู้ป่วย หากไม่คำนึงถึง 2 ข้อนี้ก็จะมีปัญหาเรื่องจริยธรรมสภาการพยาบาลจึงตั้งกรรมการจริยธรรมลงพื้นที่เสาะหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ คาดว่าจะใช้เวลาราวๆ 1 เดือน ทั้งการลงพื้นที่ การสรุปผล และเสนอเข้ากรรมการสภาการพยาบาลพิจารณาต่อไป

 

น.ส.ประภัสสร กล่าวต่อว่า จากการสอบถามเบื้องต้น พยาบาลคนนั้นยอมรับว่าเป็นคนโพสต์ข้อความดังกล่าวจริงๆ และอยู่ในกลุ่มผู้ที่มีความเชื่อเรื่องการบริโภคน้ำปัสสาวะจริง และยังยอมรับว่าได้นำปัสสาวะมาใช้กับผู้ป่วยจริง และอ้างกับตนว่าได้บอกคนไข้แล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ แม้คนไข้จะยอม ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาโพสต์ เพื่อสร้างกระแส การที่ผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุข การจะโพสต์อะไรตามใจโดยที่ไม่มีหลักวิทยาศาสตร์มารองรับ แต่เป็นความเชื่อส่วนตัว ไม่สมควร เพราะความเป็นวิชาชีพจะไปสร้างความเชื่อกับคนที่ไม่รู้จริง และต้องคำนึงถึงสิทธิของผู้ป่วยด้วยว่ารู้หรือไม่ว่าพยาบาลได้นำสิ่งที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ และไม่ใช่หลักเกณฑ์การรักษามาใช้รักษาเขา

เมื่อถามว่ามีพยาบาลเข้าร่วมกลุ่มบริโภคปัสสาวะเยอะหรือไม่ น.ส.ประภัสสร กล่าวว่า เท่าที่ติดตาม ยังไม่พบว่ามีพยาบาลคนอื่นเข้าร่วมกลุ่มที่มีความเชื่อดังกล่าว และจากโพสต์ของพยาบาลคนดังกล่าวก็ยังไม่พบว่ามีใครที่สนับสนุนความเชื่อนี้ มีแต่กระแสทักท้วงว่าเป็นเรื่องที่อันตรายกับผู้ป่วย และมีหลายคนที่ติดต่อมายังสภาการพยาบาลว่าจะร้องเรียนเรื่องนี้ และร้องเรียนพยาบาลรายดังกล่าวด้วย เรื่องนี้ สภาการพยาบาลขานรับเรื่องนี้

 

ผู้ช่วยเลขาธิการสภาการพยาบาล กล่าวต่อว่า ตอนนี้ก็มีกระแสแรงมากว่าออกมาติติงความเชื่อคนอื่นอย่างไร ซึ่งตนไม่ว่าหากใครจะเชื่อเรื่องนี้ แต่ที่ตนเตือนคือพยาบาลของเราที่ไม่ควรออกมาทำเช่นนี้ ย้ำว่าเรื่องนี้ทางสภาการพยาบาลขานรับเรื่องนี้ ใครจะเชื่ออย่างไรไม่ว่า พยาบาลจะเชื่อเรื่องนี้ก็ไม่ว่า แต่ไม่อนุญาตให้พยาบาลทำเช่นนี้ ไม่อนุญาตให้เอาความเชื่อมาใช้กับผู้ป่วย ส่วนบทลงโทษต้องรอผลการสอบข้อเท็จจริงออกมาก่อน ตามหลักการแล้วมีโทษตั้งแต่การว่ากล่าวตักเตือน พักใช้ใบอนุญาต และเพิกถอนใบอนุญาต