จี้รัฐบาลออกกฎหมายเก็บค่าถุง 2 บาท แยก 3 ก้อนเข้ากองทุน
เต่าทะเลกินเศษขยะพลาสติก กวางที่ตาย ในท้องพบว่า มีส้อมพลาสติก การตายของพะยูนมาเรียม ขวัญใจใครหลายคน เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ แม้แต่นักแสดงฮอลิวูด และนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ยังโพสต์เรื่องนี้ ยิ่งทำให้เกิดความเคลื่อนไหวการกำจัดขยะอย่างถูกวิธี รวมถึงลดขยะด้วยการลดใช้พลาสติก
กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกพยายามจับมือกับภาคีต่างๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า ภาครัฐ 34 องค์กร ในนาม กลุ่ม PPP พลาสติก ออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐ ออกมาตรการบังคับทางกฎหมาย กำหนดให้ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีของภาครัฐ เลิกแจกถุงหูหิ้วใส่ของ แต่ถ้าไม่ถึงกับเลิกใช้ทั้งหมด หากใครยังจำเป็นต้องใช้ก็ต้องจ่าย ใบละ 2 บาท
โมเดลนี้เสนอภาครัฐตั้งแต่ปีก่อนแล้ว และกำลังคุยกันในคณะอนุกรรมการจัดการขยะพลาสติก ซึ่งอยู่ภายใต้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ต้องการให้กระทรวงการคลัง พิจารณาภาษีที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะไม่ต้องการให้ออกมาตรการแล้วมีปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องของรายได้ที่เกิดขึ้นจากการจำหน่ายถุง เพราะจะเป็นเรื่องของกำไร ที่เห็นว่าส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับภาษีเงินได้นิติบุคคล จึงไม่อยากให้นำมารวมไว้ อยากให้เกิดขึ้นในปี 2563
ด้านนายอภิภพ พึ่งชาญชัยกุล รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่า เราพูดถึงการใช้พลาสติกเท่าที่จำเป็น ถ้าการใช้ถุงพลาสติกน้อยลง แต่เงินที่เก็บก็ยังได้ประมาณ 100-200 ล้านบาท จะกลายเป็นรูปแบบตัวเองดูแลจัดการตัวเอง
สำหรับในประเทศไทย เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ เคยมีการสำรวจว่า ใช้ถุงหูหิ้วเฉลี่ยคนละ 8 ใบต่อวัน ข้อมูลจากมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ประเมินการใช้ต่อปีมากถึง 45,000 ล้านใบ แม้มาจากห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ตลาดสด ร้านของชำทั่วไป แต่ถ้าเริ่มลดการใช้กับกลุ่มห้างก่อนจะช่วยได้มาก
ห้างสรรพสินค้าเริ่มแจกถุงกระดาษ แทนถุงพลาสติก
แม้จริงๆ แล้วหากเปรียบเทียบการใช้ทรัพยากรในการผลิต และความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม จะพบว่าถุงกระดาษ ใช้พลังงาน ฟอสซิล และน้ำต่อการผลิตสูงกว่าถุงพลาสติก และยังปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างขยะมากกว่า อาจสะท้อนว่า พลาสติกเมื่อมองเห็นสร้างปัญหาก็ถูกกำจัดและจัดการ แต่บางอย่างไม่ถูกมองว่าเป็นปัญหา ไม่รู้ว่าเบื้องหลังทำลายสิ่งแวดล้อมในรูปแบบอื่น ยังไม่ถูกจัดการ