แพทย์เตือน! รมควันฆ่าตัวตาย ไม่ใช่วิธีที่ง่าย ตายทรมาน


แพทย์เตือน! รมควันฆ่าตัวตาย ไม่ใช่วิธีที่ง่าย ตายทรมาน

กรณีข่าวครอบครัวฆ่าตัวตาย 3 ศพ เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมาในเขตพื้นที่ถนนเลียบมอเตอร์เวย์ หมู่ 14 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยตำรวจตรวจพบพบเตาอั้งโล่ คาดว่าจะเป็นสาเหตุทำให้ครอบครัวนี้เสียชีวิต

ล่าสุด รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ อายรแพทย์ผู้เชี่ยว ชาญด้านโรคปอด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาการฆ่าตัวตายด้วยวิธีการรมควัน ซึ่งพบมากในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุที่ทำให้คนเสียชีวิตเกิดจากการขาดอากาศ เพราะเมื่อเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์จากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซต์ เข้าไปจับกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงได้ดีกว่าออกซิเจน ทำให้เลือดไม่สามารถหล่อเลี้ยงร่างกายได้ตามปกติ ผู้ที่สูดดมควันพิษนี้เข้าไปจะมีอาการตั้งแต่อาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ สับสน อาเจียน หายใจลำบาก หน้ามืด หมดสติ และเสียชีวิต



"การรับควันพิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซต์ อย่ามองว่าเป็นวิธีที่ง่าย เพราะเป็นการตายอย่างทรมานที่สุด"

นพ.ฉันชาย กล่าวว่า เนื่องจากร่างกายจะเพราะต้องสำลักควัน และสูดมลพิษเข้าไปในกระแสเลือด หากมีค่าความเข้มข้นสูงมากในสภาพพื้นที่แคบ ไม่มีอาการถ่ายเท และยิ่งทำให้คนเสียชีวิตเร็วขึ้น แต่บางคนหากไม่เสียชีวิตทันที ก็จะกลายเป็นคนพิการ เพราะสมองขาดออกซิเจนไปเลี้ยงจากการสำลักควัน


แพทย์เตือน! รมควันฆ่าตัวตาย ไม่ใช่วิธีที่ง่าย ตายทรมาน


จากการศึกษาพบว่าความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซต์ที่มีผลต่อสุขภาพนั้นมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน ในระดับความเข้มข้นของกก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ 20-30 ส่วนในล้านส่วน (พีพีเอ็ม) สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้หากได้รับเป็นเวลานานหลายชั่วโมง แต่หากรับในค่าความเข้มข้น 200 พีพีเอ็ม เพียงแค่ 1 ชั่วโมงจะทำให้เสียชีวิตทันที

ทั้งนี้ คาร์บอนมอนอกไซด์สามารถจับโครงสร้างของฮีโมโกลบินได้ดีกว่าออกซิเจนถึง 200 เท่า เมื่อรับอากาศที่มีคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าไปในปริมาณสูง คาร์บอนมอนอกไซด์จะแย่งจับกับฮีโมโกลบินแทนออกซิเจน ทำให้ฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดงสูญเสียความสามารถในการจับกับออกซิเจน และลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์ที่ต้องการได้ เป็นผลให้ร่างกายขาดออกซิเจน เป็นสาเหตุให้การทำงานของสมองและระบบต่างๆ ของร่างกายเสียหายได้

"ที่ผ่านมามักจะเจอผู้ป่วยที่เกิดจากเหตุการณ์ไฟไหม้อาคาร หรือไฟไหม้บ้าน รวมทั้งการตั้งเตนท์นอน และมีการเผลอจุดไฟให้ความร้อน ที่เข้ามารักษาด้วยอาการตายจากพิษคาร์บอนมอนอกไซต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับกลุ่มเหล่านี้"



แพทย์เตือน! รมควันฆ่าตัวตาย ไม่ใช่วิธีที่ง่าย ตายทรมาน


ห่วงเลียนแบบ-วอนคนใกล้ชิดช่วยดูแลกล่มเสี่ยง

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ข่าวการฆ่าตัวตายค่อนข้างถี่ โดยเฉพาะข่าวการฆ่าตัวตายแบบรมควัน กรมสุขภาพจิตห่วงประชาชนในการติด ตามข่าวสารข้อมูลความเคลื่อน ไหวดังกล่าว อาจจะทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบขึ้นมาได้

โดยการเลียนแบบมักเกิดขึ้นภายหลังจากการได้รับข่าวที่บรรยายถึงวิธีการกระทำโดยละเอียดการได้เห็นภาพ หรือวิธีการฆ่าตัวตายจากสื่อ ได้ฟังการบรรยายในเรื่องของการฆ่าตัวตาย ซ้ำบ่อยๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสัดส่วนมากน้อยตามระยะเวลา ความถี่ และปริมาณข่าวที่ได้รับด้วย

"จากข้อมูลศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายระดับชาติ กรมสุขภาพจิต ปี 2540-2560 พบว่า มีการฆ่าตัวตายโดยใช้วิธีการรมควัน เพียงประมาณ 0.1% ของจำนวนผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย และผู้ชายเสี่ยงกว่าผู้หญิง 1.38 เท่าในการใช้วิธีการนี้"

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรมสุขภาพจิต ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือเพื่อป้องกัน โดยในส่วนของสื่อมวล ชน ที่มีบทบาทในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการนำเสนอข่าววิธีการฆ่าตัวตายอย่างละเอียด ภาพการฆ่าตัวตาย รวมไปถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำร้ายตัวเอง และหลีกเลี่ยงการนำเสนอข่าวซ้ำๆ ถี่ๆเพื่อป้องกันพฤติกรรมเลียนแบบการฆ่าตัวตาย


แพทย์เตือน! รมควันฆ่าตัวตาย ไม่ใช่วิธีที่ง่าย ตายทรมาน

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี Thai PBS


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : me
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 203.151.136.238

203.151.136.238,,238.136.151.203.sta.inet.co.th ความคิดเห็นที่ 3 [อ้างอิง]
wellcome


[ วันอาทิตย์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 11:13 น. ]
รวมข่าวในกระแส คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์