ศาลสั่ง ประหารชีวิต หนุ่มจีน บีบคอฆ่า-ชิงทรัพย์อาม่าวัย 70 หมกคอนโด
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.1189/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวูซู หมิง อายุ 28 ปี สัญชาติจีน เป็นจำเลย ในความผิดฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่นชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
กรณีเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 62 เวลากลางวัน จำเลยลวง น.ส.อารยา ทรัพย์สวรรค์ อายุ 70 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้า เข้าไปในห้องพักเลขที่ 564/38 คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในซอยพหลโยธิน 52 แยก 16 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. แล้วใช้มือบีบคอ น.ส.อารยา จนสิ้นใจตาย ก่อนลักเอาเงินสดและทรัพย์สินหลายรายการรวม มูลค่า 95,000 บาท หลบหนีไป ก่อนถูกตำรวจสน.บางเขน ติดตามจับกุมดำเนินคดี ในชั้นจับกุมและสอบสวนจำเลยรับสารภาพ
วันนี้เจ้าหน้าราชทัณฑ์เบิกตัวจำเลย จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยนำสืบรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาผู้ตายถูกฆ่ารัดคอในคอนโดมิเนียม โจทก์มีบุตรชายของผู้ตายเป็นพยานเบิกความว่าก่อนเกิดเหตุ มารดาเคยเล่าให้ฟังว่า จำเลยเคยมาขอยืมเงิน 1 แสนบาท และนัดให้นำเงินไปให้ที่คอนโดดังกล่าว แต่บุตรชายของผู้ตายได้บอกว่าไม่ต้องไป
กระทั่งเวลา 21.00 น. วันเกิดเหตุ บิดาของพยานโทรมาบอกว่าผู้ตายยังไม่กลับบ้าน จึงออกตามหา และมาที่คอนโดดังกล่าว เวลา 23.00 น. เจอรถของผู้ตายจอดอยู่ ตรวจสอบห้องพักถูกล็อคจากด้านใน พยานจึงได้ใช้ไฟฉายส่องเข้าไปในบานเกร็ด เห็นผู้ตายนอนเสียชีวิตลักษณะนอนหงายอยู่บนเตียง สภาพศพถูกรัดบริเวณลำคอจนขาดอากาศหายใจ ตรวจสอบทรัพย์สินในห้องพักหายไปหลายการ
และจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายพบว่า ติดต่อกับจำเลยหลายครั้งก่อนเกิดเหตุ รวมถึงตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าผู้ตาย และจำเลยเข้าไปในห้องพักด้วยกัน ก่อนที่จำเลยจะออกมาจากห้องเพียงคนเดียว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน จับกุมตัวจำเลยได้ ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ จากการตรวจสอบร่างกายจำเลย มีรอยถลอกที่บริเวณข้อมือด้านขวา ซึ่งจำเลยให้การว่ารอยถลอกเกิดจากการต่อสู้กัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานไปยัง รพ.ภูมิพล ให้ตรวจสอบเนื้อเยื่อสารพันธุกรรมที่ปลายเล็บของผู้ตาย ผลการตรวจพิสูจน์เนื้อเยื่อมีดีเอ็นเอตรงกันกับจำเลย
เห็นว่าโจทก์มีพยาน ซึ่งเป็นบุตรชายของผู้ตายมาเบิกความตามลำดับเหตุการณ์เชื่อมโยงกันมีน้ำหนักสมเหตุสมผล และพยานไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงเชื่อว่าพยานเลิกความไปตามจริง นอกจากนี้ ผลตรวจสอบดีเอ็นเอเนื้อเยื่อสารพันธุกรรมที่ปลายเล็บของผู้ตายก็ตรงกับจำเลย จึงเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด
พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น เพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่นชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ให้ประหารชีวิต, ฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ให้จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ฐานฆ่าผู้อื่นฯ จำคุก 25 ปี และฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นฯ จำคุก 6 เดือน รวมโทษจำคุก 25 ปี 6 เดือน และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมแก่บุตรชายผู้ตาย 1 ล้านบาท