ระวังตัวไม่สบายไข้ลดฮวบ เป็นไข้เลือดออกขั้นวิกฤติ
"โรคไข้เลือดออก" ชื่อนี้เรายังได้ยินอยู่บ่อย ๆ อย่างกรณีล่าสุดไข้เลือดออกสายพันธุ์ใหม่ ได้คร่าชีวิต น.ส.หัทยา หงษ์ชารี อายุ 19 ปี หรือน้องกุ๊กไก่ สาวน้อยชั้น ม.6/1ผลการเรียนดี รร.คลองขามวิทยาคาร จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งในช่วงฤดูฝนแบบนี้ การเพาะพันธุ์ของยุงลายมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงเสี่ยงต่อโรคไข้เลือดออกที่จะตามมา ดังนั้นเรามาทำความรู้จักโรคนี้กันอีกสักครั้ง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 15 ก.ค. พญ.ฉัฐฐิมา เสาวภาคย์ กุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน รพ.พระรามเก้า ให้ความรู้ว่า โรคไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ ที่มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ มียุงลายเป็นพาหะนำโรค มักพบในประเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี โดยอาการของไข้เลือดออกมีทั้งหมด 3 ระยะดังนี้
1.ระยะไข้ ทุกรายจะมีไข้สูงเฉียบพลัน ส่วนใหญ่มักเกิน 38.5 องศาฯ มักมีอาการเบื่ออาหาร ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ไม่มีน้ำมูก หรือไอ อาจพบผื่น จุดเลือดออกตามผิวหนังได้
2.ระยะวิกฤติ (ช็อก) เป็นระยะที่มีการรั่วของน้ำออกนอกหลอดเลือด ซึ่งอยู่ในช่วง 24-48 ชม. ที่มีไข้ลงอย่างรวดเร็ว และประมาณ 1/3 ของผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีอาการรุนแรง มีการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว มีภาวะน้ำท่วมปอด ตับวาย ภาวะการรู้สติเปลี่ยนไป และจะเสียชีวิตในเวลา 12-24 ชม.หลังจากเริ่มช็อก แต่ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาและดูแลอย่างใกล้ชิด ก็จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
3.ระยะฟื้นตัว ในผู้ป่วยที่ไม่ช็อก เมื่อไข้ลดลงส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการดีขึ้น มีปัสสาวะออกมากขึ้น เริ่มมีความอยากอาหาร มีผื่นแดงคันตามตัว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า โดยระยะฟื้นตัวใช้เวลา 2-3 วัน
ทั้งนี้ระยะเวลาทั้งหมดของไข้เลือดออก ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนประมาณ 7-10 วัน และในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนของไข้เลือดออก ได้แก่ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ป่วยเด็ก เพราะระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ผู้ที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกแล้วป่วยซ้ำด้วยไวรัสเดงกี่สายพันธุ์ใหม่ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสเดงกี่ในบางสายพันธุ์ที่อาจมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น และผู้หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน หรือแท้งบุตรได้
โดยจากสถิติกรมควบคุมโรคปี 2562 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึงวันที่ 9 ก.ค. 62 พบว่าสถิติคนป่วยไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ณ ช่วงเวลาเดียวกัน 1.6 เท่า ผู้ป่วยเสียชีวิต 62 ราย ซึ่งมีปัจจัยของการเสียชีวิตดังนี้ 1.อยู่ในชุมชนที่มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 2.ซื้อยาชุดรับประทานเอง 3.ผู้เสียชีวิตได้รับการรักษาช้า โดยไปรักษาที่คลินิกหลายแห่ง และ 4.มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไทรอยด์
ขณะที่การรักษาโรคไข้เลือดออกในปัจจุบันยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสสำหรับโรคไข้เลือดออก ฉะนั้นการรักษาตามอาการจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และควรมาพบแพทย์หากมีอาการไข้สูง พร้อมช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทั้งในบ้านและในชุมชน เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง ล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำและเปลี่ยนน้ำในกระถาง หรือแจกันดอกไม้ทุกสัปดาห์ เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เก็บน้ำภาชนะที่ใส่น้ำต้องปิดฝามิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ซึ่งการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย จะสามารถป้องกันได้ 3 โรค คือ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิก้า และโรคไข้ปวดข้อยุงลายอีกด้วย