สุดต้าน!สธ.เผยไข้เลือดออก ไล่คร่าชีวิตคนไปแล้ว62ราย
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปีนี้กระทรวงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนจิตอาสาร่วมกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายมาตั้งแต่ช่วงก่อนเข้าฤดูฝน แต่ปีนี้ครบวงรอบการระบาดของโรคไข้เลือดออก ซึ่งปกติระบาดปีเว้นปีหรือสองปี ดังนั้นจึงกำชับให้ทุกจังหวัดเข้มข้นมาตรการเดิม คือ จัดให้มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา ดูแลกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ลดการเสียชีวิต เช่น ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน หญิงตั้งครรภ์ ขอความร่วมมือร้านขายยา คลินิก ไม่ให้จ่ายยาแก้ปวดลดไข้กลุ่มเอ็นเสด เช่น แอสไพริน ในผู้ป่วยที่สงสัยโรคไข้เลือดออก เพราะอาจทำให้เกิดอาการเลือดออกมากขึ้น และยังให้รพ.ในสังกัด จัดตั้งมุมให้คำปรึกษาไข้เลือดออก (Dengue corner) เพื่อคัดกรอง ติดตาม ดูแลรักษาผู้ป่วยไข้เลือดออกอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดอบรมแพทย์จบใหม่ในการวินิจฉัย ดูแลรักษาผู้ป่วยไข้เลือดออกโดยเฉพาะเพื่อรองรับสถานการณ์ระบาดของโรคไข้เลือดออก
ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จะมีอาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป เช่น ปวดศีรษะ ตัวร้อน คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามตัว อาการเด่นคือ ไข้สูงเฉียบพลัน แต่ส่วนมากไม่มีน้ำมูก ไม่ไอ อาจมีจุดเลือดออกเล็กๆ กระจายอยู่ตามแขน ขา ลำตัว และรักแร้ ผู้ป่วยที่อาการรุนแรงจะมีเลือดออกที่อวัยวะภายในร่างกาย เช่น ทางเดินอาหาร ตับ ม้าม หรือไตวาย มีโอกาสเกิดภาวะช็อก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้ ดังนั้นขอให้เช็ดตัวด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง รับประทานยาพาราเซตามอลลดไข้ ห้ามใช้ยาแก้ปวดลดไข้กลุ่มเอ็นเสด โดยปกติอาการจะดีขึ้นหลังไข้ลด กินอาหาร ดื่มน้ำได้ ปากไม่แห้ง ปัสสาวะปกติ แต่หาก 2 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ยังมีไข้สูง อ่อนเพลีย ซึมลง ปัสสาวะสีเข้ม หรือไข้ลดแล้วแต่อาการแย่ลง ซึมกว่าเดิม เบื่ออาหาร ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่รพ.ใกล้บ้าน.