สาวสุดช้ำ! ปาดน้ำตาเสียลูกแฝดทั้งที่ลูกยังดิ้น ลั่น! ไร้ความช่วยเหลือ ปวดใจต้องกดชักโครกทิ้ง
เป็นกรณีน่าเศร้า หลังจากที่มีสมาชิกเฟซบุ๊กชื่อ Walaiporn Thobuhyong ได้โพสต์ข้อความผ่านโลกออนไลน์เล่าเรื่องราวให้ฟัง ว่าเธอได้สูญเสียลูกแฝดที่ตั้งท้องได้ 5 เดือนไปหลังจากที่เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 62 เวลาประมาณ 3 ทุ่ม เกิดเหตุน้ำคร่ำแตกแล้วได้ไปหาหมอที่ รพ.แห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก แต่ให้นอนรอแถมยังจะฉีดยาเร่งเอาเด็กออกทิ้งลงชักโครก ทั้งที่ลูกของตนยังดิ้น สุดท้ายย้าย รพ. แต่ช้ำหมอแจ้งว่ามาช้าไป!! ให้แม่ทำใจก่อนเอาเด็กออก วันนี้ รายการ เจาะประเด็น ทาง ช่อง 8 โดยมี ต่วย-ภคพงศ์ อุดมกัลยารักษ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ได้เชิญผู้ประสบเหตุรายนี้มาพูดคุยในรายการ คุณวลัยพร โทบุหย่อง (แม่เด็กแฝดผู้ประสบเหตุ) และ คุณวสันต์ ดีอาษา (พ่อเด็ก) พร้อมด้วยคุณแม่ของคุณวลัยพร คุณสุปราณี โทบุหย่อง มาเปิดใจถึงเรื่องนี้
ให้ทางคุณวลัยพร และคุณวสันต์ พร้อมด้วยคุณแม่ของคุณวลัยพรเล่าย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครอบครัวเคยมีลูกมาก่อนหรือเปล่า
เมื่อปรึกษากันจะทำอย่างไร เพราะลูกหนูยังดิ้น ญาติๆ ก็กลัวหนูจะเป็นอันตรายก็ต่างปลอบใจ แล้วหนูก็ถามพยาบาลไปว่า ถ้าหนูปวดท้อง ต้องทำอย่างไร พยาบาลบอกว่า ถ้าปวดท้องให้เข้าห้องน้ำ แล้วเบ่งออกมากดชักโครกได้เลย
ได้ยินอย่างนั้นรู้สึกอย่างไร
พ่อ : ก็อารมณ์ขึ้นอะครับ รู้สึกโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะแฟนเรายังอยู่ในความดูแลของเค้าอยู่คุณแม่ : สงสารลูก เห็นเค้าต่อสู้เพื่อให้ลูกเค้ายังอยู่เพราะเค้าบอกว่าลูกเค้ายังดิ้น เราก็เคยเป็นแม่ เราก็ทรมานใจมาก ก็ให้กำลังใจลูกว่า ถ้าเค้าไม่อยู่กับเราเดี่ยวเราก็มีใหม่ ในเมื่อเค้าไม่อยู่กับเราก็ปล่อยเค้าไป แต่ลูกสาวเค้าก็บอกว่าลูกหนูยังอยู่ ยังดิ้นอยู่ ก็สงสารลูกมาก
แล้วตัวคุณวลัยพรละรู้สึกอย่างไร
แม่ : ตอนนั้นร้องให้คะ พูดอะไรไม่ออก พอพยาบาลเดินออกไป ญาติหนูก็เดินเข้ามาเกลี้ยกล่อมให้หนูเอาออกเพราะกลัวอันตราย ซึ่งญาติเค้าก็ได้ฟังจากหมอมาว่าเด็กจะเน่าแล้วเป็นอันตรายกับแม่
วินาทีที่เป็นความเป็นความตายของทั้งลูกและภรรยา
พ่อ : คือแฟนเค้าคุยกับลูกอะครับ คือภาวนาขอปฏิหารอย่างเดียวเลย แฟนเค้าก็คุยว่าถ้าลูกสู้เราก็สู้ไปด้วย แม่จะไม่ทิ้งหนู
หมอ : พูดถึงคำพูดของหมอใน รพ.ชาวบ้านอาจจะรับยาก บางทีก็ต้องระมัดระวังคำพูด แต่คงไม่ได้มีเจตนาไม่ดี มันเป็นเหมือนความชินชา เรื่องของแม่กับลูกมันมีความผูกพันธ์ แม้กระทั่งสัตย์เดรัจฉาน บางทีคำพูดมันกระทบกระเทือนจิตใจ
เมื่อเดินทางไป รพ.ที่ 2
แม่ : เค้าก็ถามเหตุผลหาใบส่งตัว แต่หนูก็บอกว่าไม่มี เพราะหนูเดินทางมาเองเผื่อมีทางเลือก ก็เล่าเหตุการณ์ให้หมอฟัง ก็เลยให้ไปอัลตร้าซาวด์ หมอก็บอกว่าเด็กยังมีหัวใจเต้นทั้งคู่แต่อีกคนเต้นเบา แล้วก็วัดปากมดลูก แล้วให้นอน รพ ตอนนั้นก็คุยกับหมอว่าถ้าลูกไม่อยู่ก็เอาออก แต่หมอก็บอกว่าเด็กยังมีหัวใจเต้น ยังไม่ใช้ยา ให้นอนรอดูอาการก่อน
ทาง รพ.ได้แจ้งหรือเปล่าว่าทำไมเสียเวลาอยู่ที่ รพ.แรกนาน ไม่งั้นเด็กมีโอกาสรอดแล้ว
การเอาออกทำอย่างไร / รู้สึกอย่างไร
แม่ : ฉีดยาเร่งในน้ำเกลือคะ
พ่อ : เสียใจอะครับแต่ก็เป็นห่วงเค้าด้วย ตอนนั้นแม้จะมีความหวังแต่เมื่อ รพ.ที่ 2 มีเหตุผลบอกเราก็ทำใจครับก็ได้แต่ปลอบใจแฟน
ความรู้สึกนอกเหนือจากความเสียใจ
พ่อ : ต่างกันมากครับ รพ.ที่2 ให้กำลังใจเราดี เราทราบเหตุผลว่าทำไมเด็กอยู่ต่อไม่ได้
คำพูดจาก รพ.ที่ 2 ทำให้เรารู้สึกว่าเรามาช้าไป
แม่ : ทาง รพ.เค้าก็ไม่ได้ให้ร้ายกันคะ เพียงแค่ปลอบใจเราว่าช่างเค้าเถอะเนอะ ตอนนี้แม่อยู่ตรงจุดนี้แล้ว ก็พูดให้กำลังใจเราตลอด
ท้ายที่สุดหลังจากฉีดยาเร่งคลอด
แม่ : ฉีดยาประมาณเที่ยงตรงคะ คนแรกปวดท้องเบ่งออกมาประมาณ 6 โมง เป็นเพศชายน้ำหนักประมาณ 500 กรัม แล้วอีกคนหมอมาฉีดยาเร่งเพิ่มให้ ประมาณตี 5 ก็ออกมาอีกคนนึง หมอบอกว่าเด็กแข็งแรงดี แต่ร่างกายยังสร้างไม่ครบ อวัยวะบางอย่างไม่ครบ น้ำหนักเท่ากันทั้ง 2 คน
คุณแม่ได้เห็นลูกมั้ย
แม่ : ตอนนั้นหมอถามว่าอยากดูมั้ย หนูยังไม่อยากดู ตอนนั้นหนูทำใจดูไม่ได้ พอหลังจากนั้น แม่หนูและแฟนพาไปดู แล้วก็พาศพลูกกลับไปบำเพ็ญพิธีทางสงฆ์ ทางญาติๆ ก็บอกไม่ให้หนูร้องให้น้ำตาโดนลูก
พ่อ : เสียใจเหมือนกันครับ ก็ประคองกันไปครับ
แม่ : แต่ลูกหนูแข็งแรงนะ หนูก็พูดกับเค้าตอนอยู่ในท้องยังดิ้นอยู่ ว่าถ้าหนูไม่ออกมา แม่ก็จะสู้กับหนู เพราะลูกหนูดิ้นอยู่ตลอด แต่หมอบอกว่าเด็กเจริญเติบโตต่อไม่ได้ และแม่เสี่ยงติดเชื้อแต่หนูก็ไม่กลัว เพราะลูกหนูยังดิ้นอยู่ให้หนูเอาออกหนูทนไม่ได้ หนูทำใจไม่ได้
เหตุการณ์ครั้งนี้ที่หนูโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวไม่ได้ต้องการอะไร เพียงแค่ต้องการเก็บไว้เตือนความทรงจำเท่านั้น แต่มีการแชร์เยอะมาก