วิฬาร์ (แมว) และไก่ขาว สิ่งของอันเป็นมงคลในการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร
วิฬาร์ (แมว) แสดงถึง ความโชคดี มีลาภร่มเย็นเป็นสุข อันสอดคล้องกับคติความเชื่อของไทยที่ว่า แมวหมามาสู่จะมีลาภ อีกทั้งยังเชื่อว่าแมวสามารถขับไล่ภูตผีปิศาจและสิ่งชั่วร้าย เพราะแมวมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ในเวลากลางคืน หรือความเชื่อที่ว่าแมวมีเก้าชีวิต หมายถึงความยั่งยืนสถาพรและเป็นอมตะ
ศิลาบด เป็นของใช้ในครัวเรือนใช้บดเครื่องแกงหรือเครื่องปรุงอาหารต่างๆ การนำศิลาบดมาใช้ในการเฉลิมพระราชมณเฑียรมีความหมายสอดคล้องกับการแสดงความยินดีในการขึ้นเรือนใหม่ด้วยการมอบเครื่องครัวและพันธุ์พืช แก่เจ้าของเรือนนั้น หรือเกี่ยวข้องกับคำให้พรอันแสดงถึงความเจริญงอกงามและมีความมั่นคงที่ว่า "ให้อยู่เย็นเป็นสุขดั่งอุทกธารา และฟัก ให้มีน้ำใจหนักหน่วงดุจศิลา ขอให้ถั่วงางอกงามบริบูรณ์" ศิลาดังกล่าวนั้นหมายถึงศิลาบด และยังเห็นถึงความหมายของสิ่งอันเป็นมงคลอีกคือ ฟักเขียว หมายถึง ความร่มเย็นเป็นสุข และถั่วงา หมายถึงความเจริญงอกงาม เช่นเดียวกับข้าวเปลือกที่มีความหมายเดียวกัน ซึ่งล้วนเป็นสิ่งของที่มีความหมายดีแก่องค์พระมหากษัตริย์ที่ทรงเฉลิมพระราชมณเฑียรหรือผู้ที่ขึ้นเรือนใหม่ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังมีสิ่งของอันมีความหมายมงคลที่ใช้ในการพระราชพิธีดังกล่าวอีกคือ ดอกหมาก หรือจั่นหมาก บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ เพราะดอกหมากหรือจั่นหมากมีลักษณะเป็นพวงเมื่อออกผลจำนวนมากเรียกเป็นทะลาย แสดงถึงความรุ่งเรืองมีทรัพย์ศฤงคาร เช่นเดียวกับดอกมะพร้าวหรือจั่นมะพร้าวที่ใช้ประดับสถานที่ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกก็มีความหมายเดียวกัน
อีกสิ่งที่ปรากฏอยู่เสมอในการเฉลิมพระราชมณเฑียรคือ กุญแจทอง มีความหมายถึงการมอบกรรมสิทธิ์ให้กับเจ้าของบ้านใหม่ซึ่งก็คือพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งของอันเป็นมงคลสำหรับการพระราชพิธียังมีมากขึ้นในรัชกาลต่อมา ได้แก่ พระแส้หางช้างเผือกผู้ เริ่มมีในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งแส้นั้นเป็นเครื่องใช้สำหรับปัดฝุ่นละออง การใช้หางช้างเผือกมาทำพระแส้นั้นแสดงถึงสิ่งของอันเป็นมงคลมากด้วยบารมี เนื่องจากช้างเผือกถือเป็นสัตว์คู่บารมีเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์