ดีเดย์ 22 เม.ย.นี้ ปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ ลุ้นศาลปกครองนัดไต่สวนคุ้มครองด่วน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า วันที่ 22 เม.ย.นี้ จะปรับขึ้นค่าโดยสารตาม มติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางที่ได้ประกาศไว้ ทั้งรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รถโดยสารประจำทางที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (รถเมล์เอ็นจีวี) ของ ขสมก. รถร่วมบริการ ขสมก. ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ และรถโดยสารร่วมบริการของ บขส.
สำหรับค่าโดยสารที่จะปรับเพิ่มขึ้น 1-7 บาท ตามประเภทรถและระยะทาง โดยรถโดยสารธรรมดา ครีมแดง ของ ขสมก. ปรับราคาจาก 6.50 บาท เป็น 8 บาท รถโดยสารปรับอากาศครีมน้ำเงิน ปรับจาก 10-18 บาท ตามระยะทาง เป็น 12-20 บาท, รถปรับอากาศยูโรทู ปรับจาก 11-23 บาท ตามระยะทาง เป็น 13-25 บาท
ส่วนรถปรับอากาศใหม่ เอ็นจีวี ให้คิดราคาระยะทาง 4 กม.แรก ราคา 15 บาท ตั้งแต่ 4-16 กม. ราคา 20 บาท และตั้งแต่ 16 ก.ม. ขึ้นไปราคา 25 บาท กรณีใช้ทางด่วนให้ปรับเพิ่มมากกว่าค่าโดยสารปกติ 2 บาท ต่อคนต่อเที่ยว
ส่วนรถบริการตลอดคืนให้กำหนดค่าธรรมเนียมบริการตลอดคืน เพิ่มขึ้น 1.50 บาทต่อคนต่อเที่ยว จากค่าโดยสารปกติ
ส่วน รถ บขส.ปรับขึ้นไม่เกินร้อยละ 10 ของอัตราค่าโดยสารเดิม ขณะที่รถเมล์ร้อนที่เป็นรถใหม่ สามารถเก็บอัตราค่าโดยสารได้ในราคา 12 บาท
นายอาคม กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ต้องการให้องค์กรจัดบริการรถมีฐานะการเงินดีขึ้น หลังประเมินว่าการบริการทำได้ดีขึ้นจึงจำเป็นต้องการให้ประชาชนสนับสนุนในบางส่วน
ศาลปกครองกลาง ได้รับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณาไต่สวนแล้วและมีคำสั่งให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาศาลในวันจันทร์ที่ 22 เม.ย. เวลา 10.00 น. เพื่อไต่สวนคำขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวเพื่อทุเลาการบังคับคดีไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด พร้อมกับสั่งให้คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางทำคำชี้แจงข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยกับพวกมายื่นในวันดังกล่าวด้วย เพื่อศาลจะได้พิจารณามีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดหรือตามคำขอของผู้ฟ้องคดีต่อไป
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ขสมก. รถร่วม ขสมก. รถตู้โดยสาร และรถ บขส. ทั้งหมดไม่ควรที่จะขึ้นค่าโดยสาร จนกว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดออกมา เพราะหากดื้อรั้นที่จะขึ้นค่าโดยสารโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน สมาคมฯจะนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิดผู้บริหารของ กรมการขนส่งทางบก ขสมก.และบขส.ต่อไปด้วย
และหากรถร่วมเอกชนทั้งหลายที่ออกมาโต้ตอบสมาคมฯว่าจำต้องขึ้นค่าโดยสารเพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหวนั้น สมาคมฯขอเรียกร้องให้รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีสั่งให้เรียกคืนสัมปทานการเดินรถของเอกชนที่หมดอายุทั้งหมดมาดำเนินการเอง โดยเฉพาะรถร่วม ขสมก. เพื่อที่จะได้นำไปสู่การปฏิรูประบบขนส่งสาธารณะได้อย่างคล่องตัวและรวดเร็วได้ เช่น การใช้ตั๋วร่วมใบเดียวใช้บริการรถสาธารณะได้ทั้งระบบ เป็นต้น