หนุ่มโปรแกรมเมอร์ เปิดใจหลังจับได้ใบแดง เหมือนชีวิตพังทลาย หมดอนาคต!!
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ หนุ่มโปรแกรมเมอร์ เปิดใจหลังจับได้ใบแดง เหมือนชีวิตพังทลาย หมดอนาคต!!
ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการปี 2562 นี้ โดยล่าสุดชาวโซเชียลได้แชร์ภาพหนุ่มโปรแกรมเมอร์จับได้ใบแดงแล้วแสดงอาการคอตก..
ล่าสุดนายณรงค์ฤทธิ์ หนูทอง หนุ่มวัย 26 ปี จากพัทลุงได้ เปิดใจเล่าเรื่องราวชีวิต หลังทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปเมื่อเขาจับได้ใบแดงว่า ในวัยเด็กเป็นคนเกเรไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องเข้าเรียน กศน. จนจบชั้น ม.3 เมื่อตอนอายุ 18 ปี ก่อนจะเข้าเรียนต่อระดับ ปวช. ที่จ.สงขลา ในสาขา อิเล็กทรอนิกส์เทคนิคคอมพิวเตอร์ โดยเมื่อเรียนถึงชั้น ปวช. ปี 2 ได้เหรียญทองหุ่นยนต์ และเหรียญเงิน วงจรดิจิตอล ในการแข่งขันทักษะวิชาชีพระดับชาติ
หนุ่มพัทลุง เล่าต่อว่า นับจากได้รางวัล เหมือนกับว่าได้ค้นพบแนวทางชีวิต จึงทุ่มเวลา และทุกอย่างในชีวิต ให้กับการศึกษาเรื่องการเขียนโปรแกรมไมโครคอนโทรลเลอร์ และเริ่มรับงานตั้งแต่ตอนนั้น ช่วงแรกที่รับโปรเจคต์ได้งานละ 200-300 บาท แต่ก็ต้องอดทนเขียน และฝึกฝนตัวเองมาโดยตลอด งานบางชิ้นต้องอดหลับอดนอนทั้งอาทิตย์ เพราะยังไม่เก่ง แต่ก็ตั้งใจทำ จนเมื่อ ปวช. ปี 3 ได้ทำเรื่องผ่อนผันการเกณฑ์ทหารเป็นครั้งแรก
จนเรียนจบได้สอบเรียนต่อวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์ ก่อนจะย้ายไปเรียน วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากมีความท้าทายในแง่การเรียนรู้มากกว่า แต่ทว่าหลังเรียนไปสักระยะแล้วมีปัญหาด้านการเรียนบางอย่าง ทำให้ต้องลาออกมา แล้วคิดว่าจะเก็บหน่วยกิตไว้ไปใช้เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยอื่น
ณรงค์ฤทธิ์ เล่าว่า เมื่อออกจากมหาวิทยาลัย ได้ตัดสินใจว่าจะจับทหาร แต่ปีที่แล้ว ไปจับไม่ทัน เนื่องจากปัญหาบางอย่าง เลยหางาน และรับเขียนงานโปรเจคต์มาโดยตลอด โดยตลอด 5-6 ปีที่สนใจฝึกฝนเรื่องนี้อย่างจริงจัง งานเล็กงานน้อยรับหมด จนมีความชำนาญทำให้ตอนนี้โปรเจคต์ที่รับมาบางงานก็ได้หลักหมื่น โดยใช้เวลาเขียน 1-3 วัน
“รายได้จากงานเขียนโปรแกรมมันทำให้ผมเห็นอนาคตว่า สามารถส่งตัวเองเรียนได้อย่างสบาย โดยอีกปีเดียวก็จะเรียนจบ หลังจากนี้ก็รับงานเขียนโปรเจคต์ และสามารถเก็บเงินซื้อรถ ซื้อบ้านได้ไม่ยาก จากฐานลูกค้าที่สะสมมา 6 ปี แต่ผมดันไปจับได้ใบแดง ต้องไปเป็นทหารที่ มทบ.46 จังหวัดทหารบกปัตตานี เป็นเวลา 2 ปี ทำให้ฐานลูกค้าที่สั่งสมมาตลอด 6 ปีไม่เหลือแน่นอน
ในฐานะฟรีแลนซ์ เข้าใจเลยว่าเขาต้องไปวิ่งหาฟรีแลนซ์คนใหม่ เมื่อผมเข้าไปเป็นทหาร ซึ่งก็เท่ากับว่าหลังจากเป็นทหาร ที่ทุ่มเทมาตลอด 6 ปีก็เหมือนกับสูญเปล่า และต้องเริ่มหาลูกค้าคนใหม่หมด ซึ่งมันยากมาก เพราะฐานลูกค้าไม่ได้หากันง่ายๆ ต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อพิสูจน์ตัวเองกล่าวเขาจะเชื่อใจ ต้องกลับไปเริ่มต้นจากศูนย์” ณรงค์ฤทธิ์ เล่าอย่างเจ็บปวด
หนุ่มพัทลุง ยังบอกเล่าอีกว่า รายได้เดือน 4-5 หมื่นบาทต้องหายไป ทุกอย่างในชีวิตพังไปหมดเลย ยังไม่รวมหน่วยกิตที่เรียนมาก็ไม่สามารถเอามาใช้ได้ และไม่รู้ว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะมีแรง และพลังพอที่จะทำได้ทุกอย่างเหมือนวันนี้หรือไม่ เพราะทุกอย่างในชีวิตต้องเริ่มใหม่หมดเลย ทั้งที่ชีวิตกำลังไปได้สวยแท้ๆ
“ผมคงต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด แต่ผมไม่รู้ว่า 2 ปีจากนี้ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไม่รู้ จะเริ่มหาลูกค้าได้อีกไหม ต้องเริ่มใหม่จากศูนย์อีกครั้ง และผมคงไม่ได้เรียนแล้ว ที่บ้านผมฐานะไม่ดีคงส่งผมต่อไม่ไหวแล้ว และผมคงไม่สามารถส่งตัวเองเรียนได้แน่ๆ ตอนนั้น”ณรงค์ฤทธิ์ ตัดพ้ออย่างท้อแท้
และแม้จะเปลี่ยนแปลงผลการจับสลากไม่ได้ แต่ณรงค์ฤทธิ์ ก็ยังฝากบอกถึงระบบการเกณฑ์ทหารในประเทศไทย ที่กำลังมีการถกเถียงกันอยู่ รวมถึงมีบางพรรคการเมืองนำไปชูเป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้งด้วยว่า ผมคิดว่า การจับทหาร ควรเปลี่ยนเป็นแบบสมัครทหารอาชีพ ยังมีคนอื่กเยอะ ที่ไม่ได้อยากเป็น
แต่มีคนจำนวนมากนะคับ ที่ไม่มีงานทำ และถ้าหากเปลี่ยน เป็นทหารอาชีพ รับสมัคร สวัดดิการณ์ดีๆ เพิ่มเงินเดือนให้เค้าเลี้ยงตัวและครอบครัวได้ มันจะมีคนจำนวนมากอยากเป็น และมันจะดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ในความคิดผมคนที่ไม่ชอบ ไม่ได้อยากเป็น หรือ สร้างเนื้อตัวมา ในสายอาชีพอื่น เช่นผม จะได้มีโอกาสสร้างชีวิตตัวเองต่อ 2 ปี ที่หายไป ถ้าเป็นฟรีแลนซ์ไม่ว่าสายไหน กลับมาก็ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด ผมเชื่ออย่างนั้น แต่ในขณะเดียวกัน มีคนจำนวนมาก ที่เขายังไม่รู้จะเอาไงต่อกับชีวิต ถ้าการเป็นทหารสามารถเลี้ยงชีวิต และครอบครัวเขาได้ ทำไมเขาจะไม่อยากเป็น
“คนที่จับใบดำใบแดงเขาไม่ได้อยากเป็น เอาไปเขาก็ทำไรไห้ได้ไม่มาก มันไม่ใช่สิ่งที่รักที่อยากทำ แต่กับคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่อยากทำและมันเป็นอาชีพเขาได้ ทหารกลุ่มนี้จะมี ประสิทธิภาพมากกว่าเยอะ เพราะมันคืออาชีพเขา เขาจะทำมันได้ดี และเต็มที่กว่าเยอะมาก”ณรงค์ฤทธิ์ สะท้อนความคิดเห็น
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น