สู้สุดใจ! เจาะลึก 1,271 วัน หนุ่มจีน กับการรักษาตัวในไทยของเหยื่อระเบิดราชประสงค์
17 ส.ค. 2015 เกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่ศาลท้าวมหาพรหม โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายและบาดเจ็บ 125 ราย นายเจิ้งเป็นหนึ่งในเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุระเบิดดังกล่าว
นายเจิ้งซึ่งหมดสติเข้ารับการผ่าตัดช่วยชีวิต 2 ครั้งและรอดพ้นจากขีดอันตรายมาได้
นายเจิ้งเกิดปี 1992 เป็นลูกคนเดียวของครอบครัว ปี 2015 ที่เกิดเหตุนั้นเขาเพิ่งเริ่มทำงานหลังจากมาเรียนภาษาไทยที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อาสาสมัครจีนผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าวว่า เธอยังจำภาพได้ติดตาว่าแม่ของคุณเจิ้งร้องห่มร้องไห้อยู่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองที่เฉิงตู มณฑลเสฉวน เมื่อตอนที่เธอกำลังจะเดินทางมากรุงเทพฯ หลังทราบข่าวลูกชาย "เธอดูโศกเศร้ามาก"
นายเจิ้งฟื้นขึ้นมาเพียงไม่กี่วันก่อนหน้าเทศกาลตรุษจีนปี 2016 ซึ่งเขาเล่าว่าต้องขอบคุณ "พี่เฉิน" อาสาสมัครคนหนึ่งที่ "ตะโกนด่า" เขาว่าอกตัญญูต่อบิดามารดา
"อย่างแรกที่คุณเจิ้งจำได้เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็คือเบอร์โทรศัพท์ของคุณแม่" มัทนาเล่ากับสำนักข่าวซินหัว
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายเจิ้งโพสต์เล่าความทรงจำเกี่ยวกับช่วงเวลา 3 ปีที่เขาอยู่ในกรุงเทพบนโซเชียลมีเดีย เมื่อตอนที่เขาฟื้น เสียงของเขาอ่อนแรงจนพ่อแม่แทบไม่ได้ยิน เมื่อพยาบาลมาตรวจร่างกายเขารู้สึกเจ็บจนต้องขอให้เบามือ แต่ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงของเขา เขาจึงร้องไห้ แม่ของเขาก็ร้องไห้ กล่าวทั้งน้ำตาว่า "ไม่ต้องร้องนะ ลูกกำลังจะหายดี เราจะค่อยๆ รักษาไปทีละขั้น"
5 ต.ค. 2016 แพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เริ่มผ่าตัดครั้งที่ 3 เพื่อเอาเศษซากระเบิดที่เหลือออกจากศีรษะของเขา จากนั้นนายเจิ้งก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งที่บริเวณเข่าด้านขวา
จากนั้นการยืนทรงตัวและเดินได้อีกครั้งเป็นกระบวนการที่ยากลำบากอย่างยิ่ง อาสาสมัครคนหนึ่งเล่ากับสำนักข่าวซินหัวว่า "ฉันจำได้ว่าคุณแม่ของเขาอุ้มคุณเจิ้งเดินไปมาอยู่ในสวนของโรงพยาบาล เพื่อให้เท้าของคุณเจิ้งได้สัมผัสพื้นดิน" เนื่องจากคุณเจิ้งไม่มีแรงพอจะเดินได้ด้วยตัวเอง น้ำหนักทั้งหมดของเขาจึงอยู่ที่คุณแม่ทั้งหมด
ปี 2018 นายเจิ้งและแม่ย้ายไปอยู่ที่สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ เพื่อฟื้นฟูร่างกายต่อไป
เดือนมิถุนายนปีนั้น อาการของนายเจิ้งเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เขาสามารถย้ายลูกบอลจากตะกร้าหนึ่งไปอีกตะกร้าหนึ่ง พูดคุยกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน และยิ้มมากขึ้น เมื่อได้กำลังได้ใจจากทั้งเพื่อนๆ และบรรดาอาสาสมัครจำนวนมาก
23 ม.ค. 2019 นายเจิ้งกล่าวบนวีแชตของเขาว่า เขากำลังเข้าสู่อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากเขาเปิดร้านค้าออนไลน์เพื่อขายผลไม้ไทยและหมอนยางพารา เป็นต้น
ปัจจุบันนายเจิ้งยังคงต้องกินยากันชักทุกๆ วัน
"ฉันคิดว่าที่เขาฟื้นตัวได้ดีจนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะคุณแม่ของเขา" อาสาสมัครกล่าว "คุณเจิ้งเป็นลูกที่ดีมากๆ เขาบอกฉันว่าเขาต้องยืนให้ได้อีกครั้งเพื่อจะได้ดูแลคุณแม่ของเขา"
นายเจิ้งเขียนขอบคุณอาสาสมัครจำนวนมาก รวมถึงสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวมถึงทุกๆ คนที่เกี่ยวข้อง สถานทูตจีนในประเทศไทยกล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า พวกเขามอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมแม่ลูกคู่นี้เป็นประจำ ให้ความช่วยเหลือพื้นฐานที่จำเป็น และช่วยเจรจากับฝ่ายไทย
เมื่อถามนายเจิ้งว่าเขาอยากได้อะไรมากที่สุดตอนนี้ เขาตอบว่า "สุขภาพที่ดีครับ"