“บิ๊กโจ๊ก” ลงเกาะเต่ายันไม่มีข่มขืนแหม่ม
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (พฐ.) พร้อมคณะ เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุการณ์ ที่นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ อ้างว่าถูกข่มขืน ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี
นางสาวภัทรา แจ้มตระกูล เจ้าของโฮสเทล ดิไฮฟ์ ในเกาะเต่า กล่าวถึงประเด็นที่นางสาวอิสเบลล่า อายุ 19 ปี ชาวอังกฤษ ผู้เสียหายที่อ้างว่าตนเองถูกชายชาวเอเชียข่มขืนที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า อิสเบลล่า กับกลุ่มเพื่อน รวม 5 คน ได้เข้ามาพักที่ โฮสเทล ตนเอง ตั้งแต่วันที่ 21-26 มิ.ย.2561 โดยคืนสุดท้าย อิสเบลล่า ผู้เสียหาย ได้ไปดื่มกินกับเพื่อนที่ริมชายหาด และกลับมาพักที่โฮสเทล ในช่วงเช้า และพบว่า มีอาการซึมร้องไห้ เมื่อเข้าไปสอบถาม ก็ ได้รับทราบข้อมูลว่า ถูกข่มขืนโดยชายชาวเอเชีย ตนเองก็ตกใจมาก แนะนำว่าจะพาไปแจ้งความ แต่ผู้เสียหายยืนยันว่าจะไปฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพะงัน เพราะนัดกับแฟนหนุ่มไว้
จากนั้น วันที่ 4 ก.ค. นายมาร์ติน ซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับ อิสเบลล่า ย้อนกลับมาที่เกาะเต่า เพื่อจะมาแจ้งความแทน ว่าเพื่อนถูกข่มขืน แต่เนื่องจาก นายมาร์ติน ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจึงรับแจ้งความไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ลงพื้นที่ สืบสวนติดตามข้อมูลทันที
พ.ต.ท. นพา เสนาทิพย์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เกาะเต่า ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ตร.สภ.เกาะเต่า ไม่ทราบเรื่องจนกระทั่ง วันที่ 4 กค ที่ผ่านมา ในช่วงบ่ายมีเจ้าของโฮสเทล มาแจ้งว่าลูกค้าที่มาพักที่โฮสเทล อ้างว่า ถูกข่มขืนและพนักงานสอบสวนในการสอบถามว่ามีข้อมูลอะไรบ้างปรากฏว่าไม่มีข้อมูลอะไรเลยที่เกิดเหตุก็ไม่มี หากไม่มีรายละเอียดขอให้ตำรวจทำงานก่อนที่จะหมดสติผ่านสถานบริการ จึงสั่งการให้ตำรวจสารวัตรสืบสวน ไปตรวจเก็บกล้องวงจรปิดไว้ ก่อนและเก็บกล้องซ้ายขวาเผื่อสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์และได้รับรายงานว่าส่งไลน์มาว่ากล้องไม่สามารถเก็บภาพได้เนื่องจากย้อนไปได้ 7 วัน ทำให้ข้อมูลลบไปแล้ว จึงขอข้อมูลเพิ่มเติม แต่ผู้เสียหายก็เงียบไปและไม่ติดต่อกลับมาอีก จนกระทั่งเป็นข่าวที่ประเทศอังกฤษ และในเพจของ CSI la
หลังรับแจ้ง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทุกอย่าง ส่งทีมมาร่วมกับ ภาค 8 ตำรวจกาะเต่า และ ตำรวจท่องเที่ยว มาร่วมประสานตั้งแต่วันแรก ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ วันนี้จึงมาตรวจสอบพื้นที่
ส่วนภาพของผู้ต้องหาคดีอนาจาร 2 คน ที่ก่อคดีช่วงเดือนสิงหาคม และมีลักษณะ คล้ายกับที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างว่า มีรูปร่างสูงดำ ผมหยิก นั้น ตำรวจ สภ.เกาะเต่า ได้ส่งให้เจ้าของโฮสเทล เพื่อส่งต่อให้ผู้เสียหาย ชี้ตัวว่าใช่บุคคลเดียวกับที่ ก่อเหตุหรือไม่
ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ระบุ หลังทราบเรื่องนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ อ้างว่า ถูกข่มขืนที่เกาะเต่าจากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด หลักฐาน ปากคำพยาน และร่องรอย และสารที่อ้างว่าถูกมอมยา ต่างๆ ยังไม่พบว่ามีเหตุการณ์ การข่มขืนเกิดขึ้น แต่หากผู้เสียหายมาพบ มาแจ้งความ มีหลักฐานใหม่อื่นๆ ว่า มีการข่มขืนเกิดขึ้นจริง ตำรวจจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และเมื่อเช้า ได้ประสานสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ก็ระบุว่า ยังติดต่อ กับ ผู้เสียหายไม่ได้ พร้อมกันนี้ รอง ผบช.ทท. ได้ฝากถึง นักท่องเที่ยว หากมาเที่ยวในประเทศไทย แล้วเกิดเหตุการณ์ให้มาแจ้งความ เจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมทุกคน
ส่วนคนพื้นที่ต้องการให้ดำเนินคดีกับเพจที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จบิดเบือน สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับคนในพื้นที่เกาะเต่า และประเทศไทย และในวันพรุ่งนี้พบกงศุลอังกฤษประจำประเทศไทย ข้อมูลเพื่อให้เป็นข้อมูลไว้ หากมาเมื่อไหร่ จะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น