ศาลให้ประกัน พี่สาวบูม คดีตุ๋นบิทคอยน์ พร้อมกำหนดเงื่อนไข
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ศาลให้ประกัน พี่สาวบูม คดีตุ๋นบิทคอยน์ พร้อมกำหนดเงื่อนไข
15 ส.ค.61 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ช่วงบ่ายวันที่ 10 ส.ค.นี้ พ.ต.ท.กำธร นิยม พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ควบคุมตัว น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต อายุ 32 ปี ชาว จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1695/2561 ลงวันที่ 26 ก.ค.61 คดีร่วมกันฟอกเงิน ที่หลอกลงทุนเงินสกุลดิจิตอล (บิทคอยน์) มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นพี่สาวของ นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม นักแสดงซีรีย์วัยรุ่นดาวรุ่ง ผู้ต้องหาคดีเดียวกัน มายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 - 26 ส.ค.นี้ เนื่องจากต้องสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมอีก 10 ปาก และรอเอกสารทางการเงินของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับรอผลการตรวจสอบประวัติลายพิมพ์นิ้วมือจาก สตช.โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ก็ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
โดยคำร้องฝากขังระบุว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.เจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ซึ่งรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับหมายจับ ต่อมาพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้รับตัวผู้ต้องหาไว้
โดยพฤติการณ์กลุ่มผู้ต้องหานั้นสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ (Mr. aarni Otava Saarimaa) ชาวฟินแลนด์ ซึ่งประกอบธุรกิจซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอล ผู้เสียหายได้ประสานเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ นายปริญญา จารวิจิต พี่ชายของผู้ต้องหา กับพวก กรณีที่ได้ร่วมกันหลอกลวงเอาเงินของนายอาร์นีไปโดยทุจริต จำนวน 797,408,454.33 บาท โดยกลุ่มของพี่ชายผู้ต้องหา ได้หลอกลวงผู้เสียหายตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.60 ชักชวนให้ มาร่วมลงทุนซื้อหุ้นบริษัทเอ็กซ์เปย์ ซอร์ฟแวร์ จำกัด โดยให้โอนเหรียญบิทคอยน์ ไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E- Wallet) จำนวน 1,259.13 เหรียญบิต เป็นเงินมูลค่า 92,692,200 บาท , ลงทุนซื้อสกุลเงินดิจิตอล (dragon coin หรือ DRG) อีกเป็นเงิน 400 ล้านดอลล่าร์ฮ่องกง โดยโอนเงินบิทคอยน์เข้ากระเป๋าเงิน E- Wallet ของนายปริญญา กับพวก รวม 2,958.75948993 เหรียญบิท คิดเป็นมูลค่าเสียหาย 440,007,281.33 บาท และการซื้อหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทยอีกด้วย จำนวน 1,355.55701963 เหรียญบิท คิดเป็นมูลค่า 264,780,973 บาท
แต่หลังจากนั้น นายปริญญา พี่ชายผู้ต้องหา กับพวก ได้นำเหรียญบิทคอยน์ที่ได้รับโอนมาจากผู้เสียหาย ทยอยขายออกไปแล้วถอนเงินออกจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ไปเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ของกลุ่มพี่ชายผู้ต้องหารวม 7 ราย ซึ่งพนักงานสอบสวนมีหนังสือรายงานความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ไปยังเลขาธิการสำนักงาน ปปง.ขอให้ตรวจสอบพิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน กระทั่ง ปปง.สรุปรายงานแจ้งว่า นายปริญญา พี่ชายของผู้ต้องหา , นายจิรัชพิสิษฐ์ ผู้ต้องหาอีกรายซึ่งเป็นน้องชาย และตัวผู้ต้องหานี้ได้รับเงินจากการกระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ" ซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาได้โอนเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผดไปมาระหว่างกันหลายครั้ง แล้วนำเงินไปเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มา หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นฯ ในการทำผิด ซึ่งนายปริญญา พี่ชายของผู้ต้องหา และผู้ต้องหา ได้นำเงินนั้นไปจดทะเบียนซื้อฝาก-ขายที่ดินรวม 14 แปลง มูลค่ากว่า 176,220,000 บาท เหตุเกิดที่แขวง ถ.เพชรบุรี เขตราชเทวี กทม.และที่อื่นเกี่ยวพันกัน
โดยชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ภายหลังศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ขณะที่ทนายความของ น.ส.สุพิชฌาย์ ผู้ต้องหา ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 2 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราว
ศาลพิจารณาคำร้องขอประกันตัวแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาไป พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น