“บิ๊กแป๊ะ” กลับถึงไทยแล้ว!! ไร้เงา “อดีตพระพรหมเมธี” ล่องหนหลบกองทัพสื่อ!!
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ “บิ๊กแป๊ะ” กลับถึงไทยแล้ว!! ไร้เงา “อดีตพระพรหมเมธี” ล่องหนหลบกองทัพสื่อ!!
จากกรณีที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจำประเทศเยอรมนี คุมตัวอดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ได้ที่สนามบินนานาชาติ แฟรงก์เฟิร์ต ระหว่างเตรียมผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากเป็นบุคคลตามหมายจับที่ตำรวจไทยประสานตำรวจสากลไว้แล้ว ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รองผบก.ป. และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. พร้อมด้วยคณะอัยการ บินด่วนไปประเทศเยอรมนี ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG923 เพื่อสอบปากคำล่วงหน้า โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์เตรียมเดินทางไปสมทบ ประสานกับตำรวจเยอรมนีขอตัวอดีตพระพรหมเมธี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยในวันที่ 6 มิ.ย. เวลา 12.30 น. นั้น
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว หลังจากเดินทางไปที่ประเทศเยอรมันเพื่อติดต่อขอรับตัวอดีตพระพรหมเมธี หรือนายจำนง เอี่ยมอินทรา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม วรมหาวิหาร ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดที่หลบหนีไปประเทศเยอรมัน แต่ไม่ได้ตัวกลับมาเนื่องจากคาดว่าอดีตพระพรหมเมธีขอลี้ภัย
แหล่งข่าวระดับสูงในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ และพ.ต.อ.กฤษณะ ได้เดินทางกลับมาจริง และออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปตั้งแต่เวลา 12.50 น. ทางประตู 10 ชั้น 4 โดยใช้ช่องทางพิเศษของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเดินทางไปยังที่ใดต่อ
ขณะที่การเดินทางกลับมาครั้งนี้ ไม่มีตัวของอดีตพระพรหมเมธี เดินทางกลับมาด้วย ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าทางการเยอรมนีจะพิจารณาเรื่องการขอลี้ภัยอย่างไร หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งหลักฐานให้ทางการเยอรมนีพิจารณาภายใน 3 วัน จากเดิมจะต้องใช้ระยะเวลานาน 2 เดือน
ทั้งนี้ตลอดช่วงเช้ามีสื่อมวลชนจากหลายสำนักมารอทำข่าว แต่ไม่มีใครพบหรือได้ภาพการเดินทางกลับมาของคณะพล.ต.อ.จักรทิพย์ แต่อย่างใด
ส่วนสถานะของพระพรหมเมธีนั้น รายงานข่าวระบุว่า หลังจากได้รับความคุ้มครองตามกฎเกณฑ์ว่าด้วยการลี้ภัยแล้วนั้น จะได้รับความคุ้มครองดูเเลเช่นเดียวบุคคลที่ยื่นคำขอลี้ภัยทั่วไป โดยจะไม่ถูกควบคุมตัว และในช่วง 3 เดือนแรกจะถูกจำกัดเขตพื้นที่ในการเดินทางห้ามเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานที่รับเรื่องดูแลผู้ลี้ภัยนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ใด แต่ภายหลังจาก 3 เดือนแล้ว พระพรหมเมธีจะสามารถเดินทางไปได้ทั่วประเทศเยอรมนี และในระหว่างพิจารณาคำขอลี้ภัยนี้ ทางการของเยอรมนีจะจัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้แก่ผู้ยื่นคำขอลี้ภัย และจะได้รับใบอนุญาตให้พำนักอยู่ในเยอรมนีเป็นการชั่วคราว โดยที่จะมีทนายความซึ่งเป็นชาวเยอรมันเป็นผู้ช่วยเหลือดูเเลในเรื่องการขอลี้ภัยนี้อยู่ หากคำขอลี้ภัยได้รับการอนุมัติ ในช่วงแรกจะได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในเยอรมนีเป็นเวลา 3 ปี ก่อน
ส่วนการที่พระพรหมเมธีจะได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยนั้น ขั้นตอนในการสัมภาษณ์มีความสำคัญที่สุด โดยการพิจารณาว่าจะอนุญาตให้ลี้ภัยหรือไม่ส่วนใหญ่จะพิจารณาจากการสัมภาษณ์นี้ ซึ่งจะมีล่ามช่วยในการแปลระหว่างการสัมภาษณ์ และมีสิทธิจะขอให้ทนายความชาวเยอรมันร่วมอยู่ในการสัมภาษณ์ด้วยได้
ซึ่งพระพรหมเมธีจะต้องแสดงเอกสารและพยานหลักฐานให้เห็นว่า ตนเองถูกกลั่นแกล้ง ถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นเพราะจากมูลเหตุทางศาสนา หรือทางการเมือง หรือจากเหตุอื่นๆ เช่น พระพรหมเมธีอาจจะอ้างว่า การออกหมายจับ การจับสึกพระผู้ใหญ่โดยไม่ให้ประกันตัวในคดีที่ผ่านๆ มา มาจากความขัดแย้งทางศาสนาและการเมือง ซึ่งตนไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมเมื่อเปรียบเทียบกับคดีอื่นๆ ที่มีความผิดร้ายแรงกว่าก็ได้
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น