สืบเนื่องจากประมาณปี 2545-2546 ผู้ต้องหาและพวก ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเยาวชน มีพฤติกรรมตั้งแก๊งใช้อาวุธปืนและมีด ออกอาละวาดดักปล้นทรัพย์เหยื่อตามถนนและจุดเปลี่ยวต่างๆ เคยก่อเหตุปล้นทรัพย์คดีสำคัญในพื้นที่เมืองพัทยาหลายคดี โดยเคยก่อเหตุร่วมกับพวกอีก 3 คน ใช้อาวุธปืนลูกซองและมีดดักปล้นทรัพย์ผู้เสียหายรายหนึ่ง เป็นหญิงสาวซึ่งตั้งท้องประมาณ 8 เดือน ที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาบนถนนสุขุมวิท บริเวณด้านหน้าตลาดน้ำ 4ภาคพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้ทรัพย์สินมีค่าไปหลายรายการ อาทิ รถจักรยานยนต์ โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสะพาย และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนตบเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง รวมถึงถูกจับร่างโยนทิ้งลงข้างทาง ก่อนที่คนร้ายทั้งหมดจะรีบหลบหนีไป
ต่อมานายสมนึกถูกตำรวจ สภ.บางละมุง จับกุมตัวในคดีอื่น และถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานพินิจ จ.ระยอง กระทั่งประมาณปี 2549 ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานพินิจ นายสมนึกและพวกอีกประมาณ 30 คน หลบหนีออกจากที่สถานพินิจ ก่อนจะไปชิงรถจักรยานยนต์และทำร้ายเจ้าของทรัพย์ จนถึงแก่ความตาย กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้ในภายหลัง ซึ่งความผิดในครั้งนั้นนายสมนึกถูกศาลตัดสินจำคุก 31 ปี 6 เดือน แต่ช่วงที่ถูกคุมขังมีพฤติกรรมดีจึงได้รับการอภัยโทษ ปล่อยตัวออกมาเมื่อช่วงเดือนก.ย.59
อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยในอดีตผู้ต้องหาเคยก่อคดีมามากมาย จึงทำให้ยังมีหมายจับค้างเก่าติดตัวอยู่ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงกระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส กระทั่งทราบว่าปัจจุบันนายสมนึกพักอาศัยและทำงานอยู่ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน นายสมนึก ให้การรับสารภาพว่า ในช่วงเวลาประมาณปี 2545-2546 ร่วมกับพวกอีก 3 คน คือ นายวิศรุต ศิริแตง นายวีรเวทย์ จันทร์สาน และนายพงษ์พันธ์ แสนพงษ์ ก่อคดี ในลักษณะดังกล่าวในพื้นที่เมืองพัทยาจริง และยอมรับว่าก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน และจำไม่ได้ว่าเคยก่อเหตุที่ใดบ้าง พร้อมกับยอมรับว่าที่ก่อเหตุไปนั้น เพราะความคึกคะนองตามประสาวัยรุ่น และต้องการเงินไปใช้เที่ยวเตร่กับเพื่อนฝูง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป