“พระสรยุทธ”ขอปฎิบัติอย่างสงบ!ส่งผลบุญให้แม่ที่ป่วย ‘พระพยอม’ ยันบวชได้!
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ “พระสรยุทธ”ขอปฎิบัติอย่างสงบ!ส่งผลบุญให้แม่ที่ป่วย ‘พระพยอม’ ยันบวชได้!
เมื่อวันที่ 26 เมษายน พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กลฺยาโณ) หรือพระพยอม เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตนักเล่าข่าวชื่อดัง เข้าพิธีอุปสมบท บวชเป็นพระที่วัดหนองกระทุ่ม จ.นครราชสีมา ได้ฉายา "วชิรมโน" แล้วเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สามารถบวชได้ เพราะยังติดคดีความนั้นว่า ตามพระวินัย กำหนดให้ผู้ที่หนีโทษบ้านเมืองไม่สามารถบวชได้ แต่กรณีของนายสรยุทธ ไม่ได้หนีคดี แต่ต่อสู้คดีความตามกระบวนยุติธรรมและขณะนี้คดีความยังไม่สิ้นสุด ยังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ในศาลฎีกา ฉะนั้นยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ สามารถบวชได้ โดยตามพระวินัย ต้องรอจนกว่ากระบวนการยุติธรรมทั้ง 3 ศาลสิ้นสุดแล้ว ถึงตอนนั้นถ้าแพ้คดี ก็ค่อยจับสึก
ส่วนคดีที่นายสุรยุทธ โดนนั้น ซึ่งอาจจะเกิดจากความสับสนหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ถือว่าเป็นคดีร้ายแรงที่บวชไม่ได้ ถ้าฆ่าพ่อฆ่าแม่ก็ว่าไปอย่าง เพราะคดีฆ่าพ่อแม่ หรือโกงพ่อแม่อย่างร้ายแรง ถือเป็นคดีร้ายแรงที่ไม่สามารถบวชได้
นอกจากนี้ การจะพิจารณาบวชให้ใครขึ้นอยู่กับพระอุปัชฌาย์ซึ่งกรณีของนายสรยุทธ พระอุปัชฌาย์อาจพิจารณาแล้วถ้าบวชให้นายสรยุทธ ก็อาจจะได้พระนักพูดพระนักเทศน์ซึ่งวงการศาสนายังขาดแคลนอยู่
"ยิ่งกว่านั้นถ้าดูกรณีของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งติดคดีกบฏด้วยซ้ำ ซึ่งร้ายแรงกว่านายสรยุทธ ยังสามารถบวชได้ หรือถ้าจะย้อนดูนานกว่านั้นก็อย่างจอมพลถนอม กิตติขจร ที่ฆ่าคน ก็ยังบวชได้ หรืออย่างสมัยพุทธกาลอย่างองคุลีมาลฆ่าคนมาเป็นพันคน พระพุทธเจ้าก็ยังบวชให้" พระพยอม กล่าว
พระพยอม ยังกล่าวต่ออีกว่า ก็เพราะมองเห็นแล้วว่าถ้าบวชแล้ว มีโอกาสที่จะบรรลุเป็นพระอรหันต์ ได้ ขณะที่กรณีของนายสรยุทธ ไม่ใช่คดีร้ายแรง ยิ่งกว่านั้นเป็นการบวชระยะสั้นๆ เพื่อทดแทนคุณมารดา และนายสรยุทธ ยังเป็นนักพูด วงการศาสนาอาจจะได้นักเทศน์ นักปาฐกถาธรรมที่เก่งสามารถโน้มน้าวให้คนเข้าหาศาสนาได้มากขึ้นก็ได้ ซึ่งปัจจุบันวงการศาสนายังขาดพระนักเทศน์เก่งๆ และถ้าหากนายสรยุทธ บวชนานๆ ก็จะยิ่งทำคุณประโยชน์ให้วงการศาสนาได้มาก อาตมาชั่งน้ำหนักดูแล้วการบวชของนายสรยุทธ ได้ประโยชน์มากกว่าเสีย หรือถ้าเทียบกับการบวชพระเณรตุ๊ดหรือบวชให้ผู้ติดคดียาเสพติด ยังร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำ
ส่วนคดีที่นายสุรยุทธ โดนนั้น ซึ่งอาจจะเกิดจากความสับสนหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ถือว่าเป็นคดีร้ายแรงที่บวชไม่ได้ ถ้าฆ่าพ่อฆ่าแม่ก็ว่าไปอย่าง เพราะคดีฆ่าพ่อแม่ หรือโกงพ่อแม่อย่างร้ายแรง ถือเป็นคดีร้ายแรงที่ไม่สามารถบวชได้
นอกจากนี้ การจะพิจารณาบวชให้ใครขึ้นอยู่กับพระอุปัชฌาย์ซึ่งกรณีของนายสรยุทธ พระอุปัชฌาย์อาจพิจารณาแล้วถ้าบวชให้นายสรยุทธ ก็อาจจะได้พระนักพูดพระนักเทศน์ซึ่งวงการศาสนายังขาดแคลนอยู่
"ยิ่งกว่านั้นถ้าดูกรณีของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งติดคดีกบฏด้วยซ้ำ ซึ่งร้ายแรงกว่านายสรยุทธ ยังสามารถบวชได้ หรือถ้าจะย้อนดูนานกว่านั้นก็อย่างจอมพลถนอม กิตติขจร ที่ฆ่าคน ก็ยังบวชได้ หรืออย่างสมัยพุทธกาลอย่างองคุลีมาลฆ่าคนมาเป็นพันคน พระพุทธเจ้าก็ยังบวชให้" พระพยอม กล่าว
พระพยอม ยังกล่าวต่ออีกว่า ก็เพราะมองเห็นแล้วว่าถ้าบวชแล้ว มีโอกาสที่จะบรรลุเป็นพระอรหันต์ ได้ ขณะที่กรณีของนายสรยุทธ ไม่ใช่คดีร้ายแรง ยิ่งกว่านั้นเป็นการบวชระยะสั้นๆ เพื่อทดแทนคุณมารดา และนายสรยุทธ ยังเป็นนักพูด วงการศาสนาอาจจะได้นักเทศน์ นักปาฐกถาธรรมที่เก่งสามารถโน้มน้าวให้คนเข้าหาศาสนาได้มากขึ้นก็ได้ ซึ่งปัจจุบันวงการศาสนายังขาดพระนักเทศน์เก่งๆ และถ้าหากนายสรยุทธ บวชนานๆ ก็จะยิ่งทำคุณประโยชน์ให้วงการศาสนาได้มาก อาตมาชั่งน้ำหนักดูแล้วการบวชของนายสรยุทธ ได้ประโยชน์มากกว่าเสีย หรือถ้าเทียบกับการบวชพระเณรตุ๊ดหรือบวชให้ผู้ติดคดียาเสพติด ยังร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำ
ด้านที่สำนักสงฆ์ใน อ.สีคิ้ว จ. นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวเดินทางมาสอบถาม พระอาจารย์วิเชียร วชิรปัญโญ เจ้าสำนักสงฆ์ที่เป็นสถานที่ พระสรยุทธ มาอุปสมบท ได้รับฉายา "วชิรมโน" แจ้งความประสงค์ว่า ต้องการบวชเป็นเวลา 15 วันเพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับคุณแม่ที่มีอาการป่วย จึงมีกระแสจากสังคมที่ไม่เห็นด้วยกับการชวชในครั้งนี้ เนื่องจากมีคดีติดตัวอยู่
พระอาจารย์วิเชียร พระพี่เลี้ยงของพระสรยุทธ กล่าวว่า
ถ้าตาม กฎมหาเถรสมาคม การปกครองคณะสงฆ์ ในระบบของสังฆาธิการ พระอุปัชฌาย์ การที่จะให้อุปสมบท กับคนที่จะบวชก็มีหลายประเด็นแต่ประเด็นของพระสรยุทธที่หลายคนสงสัย ว่ามีคดีติดตัวสามารถบวชได้หรือไม่ อันที่จริงคดีที่ติดตัวเป็นคดีที่พระสรยุทธทำผิดมาก่อนแล้ว แต่ในช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังดำเนินเรื่องของคดีซึ่งยังไม่ถึงที่สุด ก็ถือว่าท่านยังไม่เป็นผู้กระทำผิด ร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อท่านได้รับการประกันตัวออกมาและท่านก็อยากจะบวชเพื่อทดแทนบุญคุณแม่ของท่านที่กำลังป่วยอยู่ ซึ่งจากที่ได้พูดคุยก็ทราบว่าแม่ของท่านอาการทรงตัวรักษาตามอาการ ถ้าว่ากันตามหลัก อาตมาคิดว่า สามารถบวชได้ และเป็นดุลยพินิจของพระอุปัชฌาย์ที่เห็นว่า สามารถบวชได้ การบวชครั้งนี้ไม่ใช่การบวชแบบไม่มีกำหนดสึก ท่านไม่ได้บวชตลอดไปหรือหนีคดีมาบวช เพราะในสิ้นเดือนนี้ ท่านก็จะต้องไปรายงานตัวต่อศาลตามข้อตกลง
พระอาจารย์วิเชียร กล่าวอีกว่า หลังจากมีกระแสข่าวทั้งดีและไม่ดี นั้น จากการพูดคุยก็เห็นได้ว่า พระสรยุทธ ก็พยายามไม่สนใจ พระท่านตั้งใจมาบวชให้แม่ของท่านท่านอาจจะทราบบ้างแต่ท่านไม่ได้นำมาคิดเพื่อรบกวนจิตใจของท่านในการบวชปฏิบัติ เพราะการบวชสำคัญที่สุด อาตมาคิดว่าท่านคงไม่นำเรื่องมา คิดให้ท้อแท้ในการบวชครั้งนี้
"ในส่วนของ พระครูอนุรักษ์สันติธรรม หรือหลวงพ่อใหญ่ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ที่บวชให้พระสรยุทธ ได้เกิดอาพาธหนักต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ด้วยอาการความดันสูงนั้น จากที่ได้คุยกับเลขาของท่าน ก็ทราบว่า ปกติสุขภาพของท่านไม่ค่อยดีอยู่แล้ว มักจะเข้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเป็นประจำ อาการของท่านก็จะทรงๆ ไม่เกี่ยวว่า มีงานและอะไรหลายอย่างเข้ามา รวมถึงประเด็นนี้ด้วย อาจจะทำให้ท่านต้องคิดเยอะกว่าปกติ จึงทำให้ท่านไม่สบายใจ แต่ยืนยัน ว่าการบวชของพระสรยุทธ ไม่ได้ทำให้ พระครูอนุรักษ์สันติธรรมป่วยอย่างแน่นอนน และในขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งจากคณะสงฆ์ให้สึกแต่อย่างใด"
"พระสรยุทธ บวชมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ เป็นเวลาเพียง 3 วัน ก็จะทำกิจของสงฆ์ทุกอย่าง ตื่นตั้งแต่ 04.00 - 06.00 น. มาทำวัตรเช้า และก็จะออก บิณฑบาตรในหมู่บ้านใกล้ๆ และเวลา 08.30 น. ก็จะฉันอาหาร มื้อเดียว และในช่วงบ่ายก็จะฝึกสมาธิฝึก ฝึกกรรมฐาน ศึกษาธรรมะ จนถึง เวลา 16.00 น. พอเวลา 17.00 น. ก็จะพักผ่อน และเวลา 19.00 - 21.00 น. ก็จะทำวัตรเย็น และก็จะพักผ่อน ทำแบบนี้ทุกวัน จะเห็นได้ว่าที่นี่สงบ เรียบง่าย และ พระสรยุทธก็ชอบ เพราะทำให้เข้าถึงการปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง " พระอาจารย์วิเชียร กล่าว
พระอาจารย์วิเชียร พระพี่เลี้ยงของพระสรยุทธ กล่าวว่า
ถ้าตาม กฎมหาเถรสมาคม การปกครองคณะสงฆ์ ในระบบของสังฆาธิการ พระอุปัชฌาย์ การที่จะให้อุปสมบท กับคนที่จะบวชก็มีหลายประเด็นแต่ประเด็นของพระสรยุทธที่หลายคนสงสัย ว่ามีคดีติดตัวสามารถบวชได้หรือไม่ อันที่จริงคดีที่ติดตัวเป็นคดีที่พระสรยุทธทำผิดมาก่อนแล้ว แต่ในช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังดำเนินเรื่องของคดีซึ่งยังไม่ถึงที่สุด ก็ถือว่าท่านยังไม่เป็นผู้กระทำผิด ร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อท่านได้รับการประกันตัวออกมาและท่านก็อยากจะบวชเพื่อทดแทนบุญคุณแม่ของท่านที่กำลังป่วยอยู่ ซึ่งจากที่ได้พูดคุยก็ทราบว่าแม่ของท่านอาการทรงตัวรักษาตามอาการ ถ้าว่ากันตามหลัก อาตมาคิดว่า สามารถบวชได้ และเป็นดุลยพินิจของพระอุปัชฌาย์ที่เห็นว่า สามารถบวชได้ การบวชครั้งนี้ไม่ใช่การบวชแบบไม่มีกำหนดสึก ท่านไม่ได้บวชตลอดไปหรือหนีคดีมาบวช เพราะในสิ้นเดือนนี้ ท่านก็จะต้องไปรายงานตัวต่อศาลตามข้อตกลง
พระอาจารย์วิเชียร กล่าวอีกว่า หลังจากมีกระแสข่าวทั้งดีและไม่ดี นั้น จากการพูดคุยก็เห็นได้ว่า พระสรยุทธ ก็พยายามไม่สนใจ พระท่านตั้งใจมาบวชให้แม่ของท่านท่านอาจจะทราบบ้างแต่ท่านไม่ได้นำมาคิดเพื่อรบกวนจิตใจของท่านในการบวชปฏิบัติ เพราะการบวชสำคัญที่สุด อาตมาคิดว่าท่านคงไม่นำเรื่องมา คิดให้ท้อแท้ในการบวชครั้งนี้
"ในส่วนของ พระครูอนุรักษ์สันติธรรม หรือหลวงพ่อใหญ่ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ที่บวชให้พระสรยุทธ ได้เกิดอาพาธหนักต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ด้วยอาการความดันสูงนั้น จากที่ได้คุยกับเลขาของท่าน ก็ทราบว่า ปกติสุขภาพของท่านไม่ค่อยดีอยู่แล้ว มักจะเข้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเป็นประจำ อาการของท่านก็จะทรงๆ ไม่เกี่ยวว่า มีงานและอะไรหลายอย่างเข้ามา รวมถึงประเด็นนี้ด้วย อาจจะทำให้ท่านต้องคิดเยอะกว่าปกติ จึงทำให้ท่านไม่สบายใจ แต่ยืนยัน ว่าการบวชของพระสรยุทธ ไม่ได้ทำให้ พระครูอนุรักษ์สันติธรรมป่วยอย่างแน่นอนน และในขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งจากคณะสงฆ์ให้สึกแต่อย่างใด"
"พระสรยุทธ บวชมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ เป็นเวลาเพียง 3 วัน ก็จะทำกิจของสงฆ์ทุกอย่าง ตื่นตั้งแต่ 04.00 - 06.00 น. มาทำวัตรเช้า และก็จะออก บิณฑบาตรในหมู่บ้านใกล้ๆ และเวลา 08.30 น. ก็จะฉันอาหาร มื้อเดียว และในช่วงบ่ายก็จะฝึกสมาธิฝึก ฝึกกรรมฐาน ศึกษาธรรมะ จนถึง เวลา 16.00 น. พอเวลา 17.00 น. ก็จะพักผ่อน และเวลา 19.00 - 21.00 น. ก็จะทำวัตรเย็น และก็จะพักผ่อน ทำแบบนี้ทุกวัน จะเห็นได้ว่าที่นี่สงบ เรียบง่าย และ พระสรยุทธก็ชอบ เพราะทำให้เข้าถึงการปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง " พระอาจารย์วิเชียร กล่าว
Cr:::khaosod.co.th,matichon.co.th
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น