เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 61 พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์เข้าสอบปากคำเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังเรือนจำกลางสมุทรปราการ เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของ น.ช.พัฒนชิรพงฐ์ บูญญะเสมา อายุ 34 ปี นักโทษคดียาเสพติด แล้ว เบื้องต้นมีข้อเท็จจริงตรงกันว่าก่อนเกิดเหตุมีการลักลอบนำยาเสพติดเข้าไปในเรือนจำ เจ้าหน้าที่จึงเรียกตัวนักโทษ 16-18 คน ออกไปสอบถามแล้วสั่งซ่อม ข้อเท็จจริงเบื้องต้นจึงมีมูลว่ามีการกระทำเกินกว่าเหตุ ส่วนจะผิดวินัยระดับใดยังต้องขอตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจำเป็นต้องย้ายเจ้าหน้าที่บางส่วนออกไปประจำในส่วนอื่นระหว่างการสอบสวน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ต้องขังกล้าที่จะให้ข้อมูลกับกรรมการสอบสวน นอกจากนี้หากพบว่าการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่มีความผิดทางอาญาก็จะส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์จะไม่ปกป้องเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิด เพราะไม่มีนโยบายกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุกับผู้ต้องขัง
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุตนได้เดินทางไปร่วมงานศพของ นช.พัฒนชิรพงฐ์ โดยเข้าไปขอโทษและแสดงความเสียใจกับญาติของผู้เสียชีวิต พร้อมยืนยันที่จะให้ความเป็นธรรมและเยียวยาความเสียหาย ทำให้ญาติรู้สึกสบายใจและคลายความกังวล ในส่วนของเรือนจำหลังเกิดปัญหาดังกล่าวทำให้ทุกเรือนจำตะหนักถึงมาตรการในการควบคุมดูแลผู้ต้องขัง ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกินกว่า 70% เป็นนักโทษคดียาเสพติด คนกลุ่มนี้ล้วนแต่มีปัญหายากจน ขาดอาชีพ ไม่ได้รับการศึกษา จึงไม่ควรได้รับการกระทำที่โหดร้ายทารุณ ระหว่างการคุมขังเรือนจำควรให้การศึกษา ฝึกอาชีพ และสงเคราะห์ดูแลเพื่อให้กลับตัวกลับใจ
"ผมไม่ได้นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง เข้าใจเจตนาของเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องเข้มงวด โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบนำโทรศัพท์และยาเสพติดเข้ามาในเรือนจำ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ หากมีการจู่โจมตรวจค้นพบผู้บัญชาการเรือนจำและผบ.แดนต้องถูกย้ายและมีโทษทางวินัย แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องปรับตัวและปรับวิธีการทำงานโดยไม่ใช้ความรุนแรง เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาสังคมภายนอกจะรับไม่ได้ หากเจ้าหน้าที่ไม่เริ่มปรับเปลี่ยนตัวเอง ก็ต้องถูกกระแสสังคมบังคับให้ต้องปรับตัว" พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว