โดยได้เปิดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากประชาชนเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะต้องเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการกฤษฎีกา และ สภานิติบัญญัติ
ทั้งนี้ กฎหมายฉบับเดิมใช้มาตั้งแต่ปี 2525 หรือเมื่อ 35-36 ปีที่แล้ว ซึ่งสมัยนั้นคนที่ถูกรางวัลที่ 1 ได้แค่ 1 ล้านบาท แต่ปัจจุบันรางวัลได้เพิ่มเป็น 6 ล้านบาทแล้ว รวมถึงภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพก็ปรับมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น กรมฯ จึงต้องปรับค่าอากรแสตมป์ให้เหมาะสม แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อผู้ถูกรางวัล เพราะเป็นส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งคนที่ถูกรางวัลก็น่าจะยินดีเพราะเทียบเงินรางวัลที่ได้มีมูลมากกว่าที่เสียภาษี เช่น รางวัลเลขท้าย 2 ตัว จากเดิมเสียค่าอากรแสตมป์แค่ 10 บาท จะเพิ่มเป็น 40 บาท ส่วนรางวัลอื่น ๆ ก็ปรับเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่กำหนด หากมีการคำนวณการเสียอากรแสตมป์สำหรับผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลของผู้ถูกรางวัลที่ 1 เงินรางวัล 6 ล้านบาท ปัจจุบันจะเสียค่าอากรแสตมป์ที่ 30,000 บาท แต่เมื่อกฎหมายใหม่ผ่านจะเสียค่าอากรแสตมป์เพิ่มเป็น 120,000 บาท หรือเพิ่มขึ้น 90,000 บาท
ทั้งนี้เหตุที่กรมสรรพากรต้องแก้ไขประเด็นดังกล่าว เนื่องจาก อัตราการจัดเก็บอากรแสตมป์ดังกล่าวได้ถูกใช้มานานถึง 36 ปี ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อได้มีการเปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ ยังสร้างความเป็นธรรมกับผู้ที่ได้รับโชครางวัลจากกรณีอื่น ๆ ซึ่งกรณีนี้ จะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5%ของเงินรางวัล และต้องนำรายได้ไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาช่วงปลายปีอีกครั้ง หากรายได้รวมสูง ฐานภาษีก็จะสูงไปตามฐานรายได้ ขณะที่ ผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่งไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเลย