แถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น 1 สัปดาห์ ก่อนการพบปะอย่างเป็นทางการระหว่าง นายคิมจองอึน และ นายมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ รวมถึงก่อนการเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ ซึ่งจะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยมีการคาดการณ์สถานที่นัดเจรจาไว้ 9 แห่งด้วยกัน ซึ่งกรุงเทพมหานคร ก็อาจจะเป็นสถานที่จัดการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ดังกล่าว
"ในฐานะที่การพิสูจน์ประสิทธิภาพอาวุธนิวเคลียร์ของเราได้เสร็จสมบูรณ์ลงแล้ว การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ขีปนาวุธระยะใกล้ และ ขีปนาวุธพิสัยไกลแบบข้ามทวีป ก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นอีกต่อไป นอกจากนี้แล้ว ภารกิจทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่ฐานทางตอนเหนือของประเทศ ก็สิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน" นายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ กล่าวในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ
ด้าน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ ว่า "เกาหลีเหนือได้ตกลงยุติการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งปิดฐานที่ใช้สำหรับการทดสอบแล้ว นับเป็นข่าวที่ดีอย่างมากสำหรับเกาหลีเหนือ และสำหรับโลกใบนี้ด้วย มันคือการเดินหน้าที่ยิ่งใหญ่ ผมจะตั้งตารอการประชุมระหว่างเรา"
แหล่งข่าวจากเกาหลีเหนือ เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า นายคิมจองอึนได้ตัดสินใจก้าวเข้าสู่เส้นทางการยุติอาวุธนิวเคลียร์แล้ว เขาต้องการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับประเทศของเขา โดยจะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของเศรษฐกิจ และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศชาติให้มั่นคงมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญในการพาประเทศก้าวไปข้างหน้าก็คือการสานสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ ขณะนี้ นายคิมจองอึนได้รับการยอมรับจากสังคมโลกมากขึ้นแล้ว และนี่คือโอกาสสำคัญในการเดินหน้าดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ซูมี เทอร์รี่ อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอและนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ ก็ได้ออกมาแสดงความกังวลถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ของนายคิมจองอึน โดยเธอกล่าวว่า การประกาศดังกล่าวนับว่าเป็นการตัดสินใจที่สำคัญอย่างมาก แต่ท่าทีที่แข็งกร้าวของเกาหลีเหนือก็ใช่ว่าจะหมดไปเสียทีเดียว
"พวกเขาอาจต้องการใช้วิธีถอยคนละก้าว หรือแช่แข็งกิจกรรมต่าง ๆ ไว้ก่อน เพื่อนำไปสู่การเจรจา และพวกเขาก็ต้องการลดความตึงเครียดลง แล้วเราจะต้องให้อะไรเป็นการแลกเปลี่ยนกับการแช่แข็ง หรือยุติการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เหล่านั้นล่ะ เกาหลีเหนือไม่มีทางตัดสินใจเสนอสิ่งใดแบบฟรี ๆ ดังนั้นพวกเขาต้องการข้อแลกเปลี่ยน หรือสิ่งตอบแทนบางอย่างแน่นอน" ซูมี เทอร์รี่ นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ กล่าว