พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า การดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาล ช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.นี้ จะใช้คำสั่งเจ้าพนักงานการจราจร ห้ามเดินรถบางประเภทวิ่งบางเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น 3 เส้น ได้แก่ ถ.มิตรภาพ, ถ.สาย 304 กบินทร์บุรี มุ่งหน้าปักธงชัย และถ.สาย 348 เส้นทางอรัญประเทศ มุ่งหน้าจ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่การจราจรหนาแน่นมากที่สุด ผิวการจราจรแคบ และอยู่ระหว่างซ่อมสร้าง
ด้าน พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวว่า จากการประเมินของคณะทำงาน คาดว่าจะมีรถวิ่งกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ประมาณ 10 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลปีใหม่ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ ปัญหาหลักเกิดจากถ.ลำตะคอง ถ.มอเตอร์เวย์ มีการก่อสร้าง และคืนผิวทางได้แค่ 2 ช่องทางจราจร มีการสร้างอุโมงค์ลอด ยังไม่สามารถคืนเส้นทางได้หมด อีกเส้นทางคือถนนสาย 348 เป็นถนนที่ค่อนข้างเล็ก แต่เป็นเส้นทางที่ประชาชนใช้เดินทางกลับอีสานใต้ คณะทำงานพิจารณาว่าจะทำอย่างไรถึงจะช่วยให้การเดินทางกลับภูมิลำเนาได้รวดเร็วที่สุด
พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวต่อว่า จึงมีคำสั่งห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเส้นทาง 3 สายดังกล่าว ยกเว้นรถบรรทุกประเภท บรรทุกน้ำมัน บรรทุกพืชผักผลไม้ บรรทุกอาหารทะเล สามารถวิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ โดยมอบหมายให้ผบก.ภ.จว.สระบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว นครราชสีมา และบุรีรัมย์ เป็นผู้พิจารณาเป็นรายๆ ไป ผู้ประกอบการที่มีความจำเป็นจะต้องขับรถบรรทุกเกิน 10 ล้อในช่วงเวลาดังกล่าว ให้นำสำเนาทะเบียนรถไปยื่นคำร้องแสดงความจำนงค์ได้ที่สถานีตำรวจภูธรใน 5 จังหวัดข้างต้น
พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวอีกว่า จากการคำนวณคาดว่าหากใช้มาตรการอย่างเข้มงวด จะสามารถลดจำนวนรถ 10 ล้อ ได้ถึง 2,500 คัน จากเดิมที่มี 5,000 คันต่อวัน โดยมาตรการดังกล่าว สืบเนื่องจากผู้บังคับบัญชาต้องการให้ลดระยะเวลาการเดินทางจากกรุงเทพฯไปนครราชสีมา ให้ได้ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง ส่วนกรณีนั่งท้ายรถกระบะกลับภูมิลำเนา มอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานจราจร หากมีคนนั่งจำนวนไม่มาก และระยะทางไม่ไกล ตำรวจจะตักเตือน ให้คำแนะนำ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย แต่ถ้ามีการบรรทุกจำนวนคนมาก และมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ตำรวจจำเป็นต้องใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เช่น ห้ามหย่อนขา ห้ามเปิดท้ายกระบะ ห้ามนั่งบนกระบะ เป็นต้น
ผบก.ส.3 กล่าวว่า ส่วนการเล่นน้ำสงกรานต์ ห้ามรถบรรทุกน้ำเล่นบนถนน จะมีพื้นที่ให้เล่นน้ำเฉพาะที่ทางจังหวัดกำหนดให้เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเข้มข้นเกี่ยวกับการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด นอกจากจะตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วยังต้องตรวจค้นยาเสพติดอย่างเข้มข้นด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย (มท.) อยู่ระหว่างแก้ไขกฎกระทรวงบางประเด็นเรื่องมาตรฐานความเร็วที่ควรปรับปรุงแก้ไขฉบับที่ 6 ในเรื่องกำหนดความเร็ว
พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวต่อว่า โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ให้ปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาความจำเป็นในการปรับอัตราความเร็วของพาหนะให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมเป็นกรณี ส่วนหนึ่งเพื่อลดปัญหาการถูกจับกุม เพื่อลดปัญหาการจราจร หลักการคือให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางได้เร็วขึ้นและปลอดภัย เช่นถนนทางหลวงระหว่างเมือง ควรจะสามารถใช้ความเร็วได้มากกว่าทางปกติ ถ้าอิงตามฐานของสหรัฐอเมริกาสามารถวิ่งได้ถึง 105-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้แต่ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งว่าถนนแต่ละสาย ถนนแต่ละประเภทควรใช้ความเร็วได้เท่าใด ขณะนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างทำโครงร่างเพื่อพิจารณาต่อไป