คนร้ายทั้ง 3 คน ได้ทรัพย์สิน คือสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 10 บาท เงินสด 3 หมื่นบาท พระเหลี่ยมทองคำอีก 2 องค์ โทรศัพท์ 1 เครื่อง มูลค่าประมาณ 5 แสนบาท แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป หลังจากตั้งสติได้ พบว่าบริเวณปากและใบหน้า มีบาดแผลจากร่องรอยการที่คนร้ายใช้มือปิดปาก และกดหน้าลงกับพื้นถนน จึงรีบแจ้งตำรวจ ซึ่งสถานีตำรวจอยู่ห่างไปเพียง 1 กม. เท่านั้น
พ.ต.ต.วิทยา สัปประสาน พงส.เวร ออกมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พร้อมกำลังสายสืบสายตรวจ ออกตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่ากล้องวงจรปิดที่ติดในจุดเกิดเหตุใช้การไม่ได้ แต่จะได้ไล่ตามดูกล้องในจุดอื่นๆ
สอบสวน นางปรีดาให้การว่า ขณะที่กำลังจะออกจากบ้านสังเกตเห็น คนร้ายกลุ่มดังกล่าวขับรถมาวนเวียนหน้าบ้านหลายรอบ คาดว่าคนร้ายกลุ่มนี้คงติดตามดูพฤติกรรมของตนมาหลายวัน เมื่อทราบว่านางปรีดามักจะพกเงินสด และมีทรัพย์สินในตัวจำนวนมาก จึงลงมือปล้นในวันนี้ คาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ตำบลใกล้เคียง ตำรวจจะเร่งสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป
นายเจด็จ เกตากุล อายุ 59 ปี น้องชายของนางปรีดา กล่าวว่า เหตุการณ์คนร้ายชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์ ชาวบ้านในตลาดปากน้ำหลังสวนที่เป็นเมืองใหญ่รองจากตลาดเทศบาลหลังสวน นับว่ามีบ่อยมาก แต่ ตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ คาดว่าน่าจะเป็นแก๊งเดียวกัน ที่เกิดความย่ามใจมาก่อเหตุในบริเวณดังกล่าวหลายครั้ง อีกทั้งกล้องวงจรปิดก็ไม่สามารถใช้การได้ ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ไม่ได้รับการแก้ไข
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางปรีดาเป็นพี่สาวของนายอำนาจ เกตากุล สมาชิกสภา อบจ.ชุมพร และเป็นแม่ของนายเอกชัย ขุนพรหม สมาชิก สภาเทศบาล ตำบลปากน้ำหลังสวน ชาวบ้านเรียกนางปรีดาว่า "เจ้นุ้ย" เพราะมีฐานะร่ำรวยจากการค้ากุ้งทะเลรายใหญ่ของจ.ชุมพร แต่ในช่วงเช้าก็ยังคงขับรถสามล้อพ่วงไปขายอาหารทะเลสด ที่ตลาดสดปากน้ำหลังสวน ซึ่งขายมานานนับสิบปี จนร่ำรวยขยับเป็นผู้ค้าระดับจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นที่รู้จักของกันดีของชาวชุมพร