ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 มี.ค. ที่ห้องอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน ชั้น 3 โรงพยาบาลราชวิถี นายธนพัฒน์ วัชรฐิติเปรมชัย อายุ 61 ปี ประธานบริหาร ผู้ก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย และเป็นเจ้าของศักดิ์สิทธิ์อัลลอย ณ ปัจจุบัน เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจนายจรูญ หลังมีกระแสข่าวว่านายจรูญเคยเป็นอดีตผู้ก่อตั้งศักดิ์สิทธ์อัลลอย แต่ชีวิตพลิกผันช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่แตก จนต้องมาขับซาเล้งเก็บของเก่าขาย
นายธนพัฒน์ กล่าวว่า หลังจากได้ดูคลิปวิดีโอก็รู้สึกสงสารและไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคนสูงอายุ ในวันนี้จึงเดินทางมาให้กำลังใจนายจรูญและครอบครัว โดยจะมีการพูดคุยพร้อมหาแนวทางช่วยเหลือในบางส่วน ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาว่านายจรูญ คือผู้ก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์อัลลอย ก่อนจะถูกเทคโอเวอร์กิจการจนทำให้ต้องมาประกอบอาชีพขับซาเล้งหาของเก่านั้น จากการตรวจสอบไม่พบว่านายจรูญเป็นผู้ก่อตั้งแต่อย่างใด หากแต่อาจจะเคยร่วมงานกับทางบริษัทก็เป็นได้ ซึ่งยังไม่ทราบช่วงเวลาที่แน่ชัด จึงอยากมาพูดคุยกับทางครอบครัว ยืนยันว่า ไม่ได้มาเอาผิด หรือฟ้องร้อง และหากนายจรูญประสงค์อยากทำงานร่วมกับบริษัทก็ยินดีมอบอาชีพให้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือในบั้นปลายชีวิต
"ทราบว่ากระแสข่าวที่ออกไปนั้น อาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ซึ่งทางลูกสาวของคุณลุงจรูญเคยได้ฟังมาเมื่อยังเด็ก เป็นไปได้ว่าคุณลุงจรูญอาจเคยร่วมงานกับทางบริษัท ในสาขาใดสาขาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม อยากให้ครอบครัวคุณลุงจรูญไม่ต้องกังวลหรือเครียดแต่อย่างใด เพราะทางบริษัทไม่ได้ต้องการที่จะกล่าวโทษ แต่อยากให้การช่วยเหลือ ซึ่งจะมอบเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจกับครอบครัวลุงจรูญ" นายธนพัฒน์ กล่าวพร้อมทั้งมอบเงินสดจำนวนหนึ่งให้ ลูกสาวของนายจรูญ
ต่อมาเวลา 13.30 น. ร.ต.อ.รุ่งศักดิ์ นันตะเวช ร้อยเวร เจ้าของคดี สน.ห้วยขวาง ได้นำนายนราธรผู้ต้องหาก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายจรูญมากราบขอขมา ที่บริเวณเตียงผู้ป่วย โดยร.ต.อ.รุ่งศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังจากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวในชั้นศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางพนักงานสอบสวนได้นัดสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนที่นายนราธรจะขอให้ตำรวจพามากราบขอขมานายจรูญ โดยนายนราธรได้นำพวงมาลัยดอกมะลิมากราบขอโทษ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ลุงครับ ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว" ก่อนจะวางพวงมาลัยบนผ้าห่ม โดยนายจรูญยังคงนอนหลับพักผ่อนบนเตียงผู้ป่วย
นอกจากนี้ ร.ต.อ.รุ่งศักดิ์ ยังเปิดเผยอีกว่า ในส่วนของการสอบปากคำวันนี้ มีการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.จราจร เพิ่มเติม คือ ไม่สวมหมวกนิรภัย, ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน