ดังนั้น จึงยังคงกำชับให้สถาบันการเงิน ปฏิบัติตามหนังสือเวียนขอความร่วมมือ ไม่ให้เข้าไปลงทุนซื้อ-ขาย ให้บริการแลกเปลี่ยน การให้คำปรึกษา หรือสร้างแพลตฟอร์มรองรับธุรกรรมเงินดิจิทัล รวมไปถึงการใช้บัตรเครดิตและสินเชื่อที่อาจนำไปสู่ธุรกรรมดังกล่าว แต่สามารถให้บริการเดินบัญชีและโอนเงินระหว่างกันได้
ด้าน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า การออกกฎหมายมากำกับดูแลเงินดิจิทัลนั้น จะได้ไม่ปิดกั้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่จะบังคับใช้พร้อมกับการจัดเก็บภาษี จากการซื้อ-ขายสินทรัพย์ดังกล่าวในอัตรา 7% ยกเว้นบุคคลธรรมดา และหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% หากได้กำไรและเงินปันผลจากการลงทุน ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ไม่ต้องเสียภาษีส่วนนี้
อีกทั้งจะกำหนดมาตรการพิสูจน์ตัวตน โดยบริษัทผู้ออกสินทรัพย์ดิจิทัลและบริษัทตัวกลาง ทั้งรายใหม่และเก่า ต้องมาขึ้นทะเบียนภายใน 6 เดือน ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หากไม่มาจะมีบทลงโทษทั้งทางแพ่งและอาญา เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้เป็นช่องทางหลอกลวงประชาชน