ไทด์ กล่าวว่า "ที่ผมประกาศไปแบบนั้น อารมณ์มันขึ้น เพราะแกจะแจ้งจับ อมตะ ซึ่งอมตะเป็นคนแรกที่โทรไปบอกผมให้ไปช่วยเหลือพี่ปื้ด แล้วจู่ๆ มาแจ้งความจับอมตะ ถ้าจะจับอมตะก็ต้องจับผมด้วยสิ เพราะผมเป็นคนรื้อของทุกอย่าง อมตะ ไม่ได้เป็นรื้อ ซึ่งผมถ่ายรูปทรัพย์สินของแกไว้หมดทุกอย่างว่ามีอะไรบ้าง แล้วแกไปบอกอมตะว่านาฬิกาเรือนละล้านกว่าบาทของแกหายไป จะบ้าหรอ เรือนละล้านกว่าบาทมันจะอยู่หรอ แกพูดไปเรื่อย ผมเลยบอกว่าถ้าจะแจ้งจับอมตะ ผมขอยุติการช่วยเหลือพี่ เพราะผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่ปื้ด จะกลับไปอยู่กับคิตตี้ ซึ่งผมเพิ่งรู้จากปากพี่ที่โทรมาบอกว่าจะกลับไป ถ้างั้นผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพี่นะ
เขาก็บอกว่าแล้วแต่ และบอกอมตะด้วยนะว่าอย่ามายุ่งก้าวก่าย และสิ่งที่ทำให้ผมตกใจมาก เขาบอกว่าอมตะไปลูบศีรษะ ลูบหลังภรรยาเขา เป็นข่าวใหม่ที่ผมรู้ ซึ่งอมตะไม่ใช่คนแบบนั้น ผมกล้ายืนยันรับรองด้วยเกียรติของผมว่าอมตะเป็นคนดี เขาไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด ผมคิดว่าคิตตี้สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อทำให้พี่ปื้ดโมโหอมตะ จะได้ตัดอมตะออกจากการช่วยเหลือ ไม่อยากให้มายุ่งวุ่นวายกับเงินเขาด้วย ทำไมอมตะต้องมายุ่งเรื่องเงิน เพราะว่าคิตตี้มาขอเงินกับป้าแจ๊ะ(พี่สาวกิตติ) ตลอดเวลา ซึ่งเขาอ้างว่าเอาไปดูแลลูก พออมตะรู้ก็บอกป๊าแจ๊ะว่าไม่ให้แล้ว ถ้าเกิดเงินหมดไม่มีใครบริจาคมา เงินหมดขึ้นมาจะทำยังไง อมตะเขาเป็นห่วง พอเขาขอเงินไม่ได้อีก ก็เลยไปสร้างเรื่องเล่าให้สามีเขาฟังก็เลยเป็นเรื่องราวขึ้นมา อมตะเขารู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะใคร แต่พี่ปื้ดไปเชื่อภรรยา"
ก่อนหน้านี้คิตตี้ถอนเงินบริจาคไปใช้
"นั่นมันเป็นเรื่องของปีที่แล้ว เขาพูดว่าถ้าเกิดเอาเงินไปใช้พี่แจ้งจับหนูได้เลย พอเราไปตรวจสอบดู เขากดเงินไป 80,000 พอจับได้ก็มาร้องไห้ร้องห่มเราก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ต้องให้พี่ปื้ดเขาตัดสินใจ พี่ปื้ดเขาก็ยกโทษให้ ครั้งนี้ก็คือไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน จบ"
ต่อไปนี้จะไม่มีการช่วยเหลืออะไรใดๆอีกใช่ไหม
"ตอนแรกโมโหมากที่จะมาแจ้งจับ ผมก็บอกว่าจะไม่ช่วยเหลืออะไรแล้ว ขอตัดขาดจากพี่นะ เขาก็บอกโอเคไม่เป็นไร ตัดขาดก็ตัดขาด เขาเคยรับปากกับทุกคนว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับภรรยาของเขาอีก แต่เขาพูดว่าจะกลับไปถ้าเขาหายดีแล้ว ผมก็โอเคถ้าเขากลับไปแล้วอยู่กันแบบครอบครัวเดียวกัน พวกเราสนันสนุนอยู่แล้ว ขาดเหลืออะไรบอกเราไปช่วยได้ ถ้าเขากลับไปอย่างมีความสุขและดูแลพี่ปื้ดอย่างภรรยาที่ควรจะดูแลสามียามป่วย ตอนที่พี่ปื้ดยังไม่ป่วย ถ่ายละครคุณก็ไปรับเงินมาใช้จ่ายส่วนตัวตลอด พี่ปื้ดแทบจะไม่ได้ใช้เงิน ถ้าเกิดเขาเอาพี่ปื้ดไปดูแลให้ดีๆ ผมพร้อมจะช่วยเหลือจริงๆ"
ยังมีอะไรเป็นห่วงพี่ปื้ดอยู่ไหม
"ผมห่วงพี่ปื้ดทุกเรื่องครับเพราะว่าสงสารพี่ปื้ดเป็นคนหัวอ่อน ใครพูดอะไรแกก็เชื่อหมดทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเวลาแกไม่พอใจแกก็จะกลับคำพูด ต้องเข้าใจว่าพี่ปื้ดป่วยเรื่องสมอง ผมก็เข้าใจนะที่ผมพูดว่าจะตัดขาดคือมันพูดด้วยความโมโห แต่จริงๆแล้วมันตัดกันไม่ได้หรอก ก็ยังให้ความช่วยเหลือกันอยู่"
หลังจากที่รู้ว่าพี่ปื้ดจะกลับไปหาภรรยา ความรู้สึกตอนนั้นเป็นไง
"ถ้าเกิดว่าไปดี เราก็ดีใจ ในใจคิดเสมอว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน เขาจะดูแลเหมือนที่พี่สาวพี่ปื้ดดูแลไหม กลัวจะเอาไปแค่เป็นตัวประกันเพื่อเงินก้อนนี้เท่านั้นเอง สมมติว่าเขาเอาพี่ปื้ดไปอยู่ด้วยกัน เงินทุกบาทก็ต้องโอนให้เขา"
ล่าสุดเงินบริจาคเหลือเท่าไหร่
"ตอนนี้เห็นป้าแจ๊ะว่าเหลืออยู่ 300,000 กว่าบาท บัญชีแรกเมื่อปีที่แล้วที่มีเงินบริจาคมาประมาณ 600,000 กว่าบาท แล้วก็มีอีกบัญชีที่คุณ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เปิดให้ใหม่ ตอนนี้เหลือประมาณ 200,000 กว่าบาท ก็เอามารวมกันและใช้จ่าย 4-5 เดือนผ่านมา เหลือประมาณ 300,000 ตอนนี้ปิดบัญชีไปแล้ว บอกอมตะว่าพวกเราอย่ายุ่งแล้ว เอากลับไปให้ป้าแจ๊ะดูแลคนเดียวเลย เงินทุกบาทอยู่กับป๊าแจ๊ะพี่สาวพี่ปื้ด"
ตอนนี้พี่ปื้ดยังอยู่ในความดูแลของป้าแจ๊ะใช่ไหม
"เพิ่งกลับมาครับ ป้าแจ๊ะเพิ่งไปรับกลับมาจากบ้านเช่าหลังนึงที่อยู่กับคิตตี้ เขากลับไปอยู่กับคิตตี้หลายวันเหมือนกัน เป็นเดือน แต่พอป้าแจ๊ะไปเห็นสภาพเหมือนเดิมเลย ซูบผอมแบบปีที่แล้ว ป้าแจ๊ะก็รับกลับมาดูแล เห็นว่าทางนู้นไม่ให้ยากินเลย นี่ไงก็เป็นแบบนี้ ผมกังวลว่าถ้าเงินก้อนนี้หมดอนาคตพี่ปื้ดจะเป็นยังไง ผมต้องเอารถ รพ.ไปรับจากหัวหินกลับมาบ้านพี่สาวหรือเปล่า เป็นห่วงแกทุกอย่างเพราะแกใช้เงินไม่ได้ เงินก้อนนี้อยู่ในความดูแลของพี่สาว แต่ถ้ากลับไปอยู่กับภรรยาเหมือนเดิมเมื่อไหร่เงินก่อนนี่ก็จะเปลี่ยนมือไปอยู่กับภรรยา"
ถ้าท้ายที่สุด พี่ปื้ดกลับไปอยู่ในสภาพเดิมจะยังช่วยเหลืออีกหรือเปล่า
"ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่แล้วครับ เห็นหน้าแกแล้วสงสาร แต่เขาไม่แคร์พี่เลย"
มองว่าเป็นการทำคุณบูชาโทษหรือเปล่า
"ไม่ครับ ผมคิดว่าจิตใจของแกอยู่ที่ภรรยา ซึ่งภรรยาแกอายุเพิ่ง 27 ยังเป็นสาวอยู่ แกก็หวงและห่วงธรรมดา อยากจะอยู่เพื่อต้องการกำลังใจ ที่แกบอกว่ากำลังใจคือลูกและภรรยา ถ้าไปได้ดีจริงๆ ถ้าแกต้องการอะไรเราก็อยากจะให้แก แค่กลับมาหายเร็วๆ"
ได้พูดคุยกับคิตตี้ไหม
"ครั้งแรกที่เจอผมก็พูดและเตือนตลอดเวลา แล้วผมก็บอกเขาว่าอย่าให้สัมภาษณ์ว่าเป็นลูกสาวเด็ดขาด ให้พูดความจริงไปเลยอย่ามาโกหก ถ้าเขาจับได้ทีหลังมันไม่ดี มันเสียความรู้สึกไม่มีใครเขาอยากจะช่วย เขาก็ไปโทษพี่ปื้ดว่าเป็นคนบอกให้พูดเป็นลูกสาว"
สุดท้ายอยากบอกอะไรกับพี่ปื้ด
"ถ้าเกิดว่าทั้งคู่อยากกลับไปใช้ชีวิตเฉกเช่นสามีภรรยากับลูกๆพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างที่พี่ปื้ดพูดขึ้นมาผมก็น้ำตาจะไหล ที่บอกว่าที่ รร. มีกิจกรรมวันพ่อวันแม่ก็ต้องมีผู้ปกครองไปที่ รร. ผมก็รู้สึกสะอึกเหมือนกัน ถ้าเกิดพี่ปื้ดอยากใช้ชีวิตคู่ ชีวิตครอบครัวผมพร้อมช่วยเหลือพี่ทุกอย่างถ้าอยากได้อะไร อยากให้พี่กลับมาสภาพเดิมเป็นพี่ชายที่แสนดี มีเหตุมีผล อยากฝากบอกคิตตี้ด้วย อย่าพยายามสร้างเรื่องราวให้คนอื่นเดือดร้อน ดูแลสามีและลูกให้ดี เพราะว่าสิ่งที่คุณทำมันจะย้อนกลับมาหาตัวคุณ แล้วตัวคุณจะมีชีวิตอยู่ลำบากมาก เพราะคุณสร้างเรื่องเก่งมาก หยุดสักทีเถอะ หยุดให้ข้อมูลที่ไม่ดีกับพี่ปื้ดแล้วมารักกันใหม่ ดูแลลูกดูแลพี่ปื้ดไป พี่ช่วยครับ"