สำหรับผลงานภาพเสือดำนั้น ตั้งใจสื่อเรื่องการปลูกสำนึกรักสัตว์ป่าและเรียกร้องความยุติธรรมเพื่อเสือดำ ทางกลุ่มของตนไม่ต้องการให้คดีเงียบ เพราะมีหลายกรณีที่คนใหญ่คนโตทำผิด แล้วเรื่องก็เงียบหายไป ทั้งนี้การพ่นสีต่าง ๆ นั้นพวกตนอยากให้เกิดกระแสสังคมที่ดี เพราะศิลปินสามารถสื่อความหมายได้โดยไม่ต้องใช้คำหยาบคาย และภาพเหล่านี้จะยังคงอยู่จนกว่าเสือดำจะได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งการที่ดารา ศิลปินหลายท่าน ตั้งใจโพสต์รูปเสือดำทุกวัน เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ประชาชนจะแสดงออกได้ และเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ตั้งใจทำงาน
ในขณะนี้สัญลักษณ์รูปเสือดำไม่ใช่แค่เรื่องของเสือดำตัวเดียว แต่กลายเป็นตัวแทนของความยุติธรรม และจิตสำนึกอนุรักษ์ป่าไปแล้ว เราเองก็ไม่ได้พ่นกำแพงเพื่อสร้างความเลอะเทอะให้บ้านเมือง แต่ในทางกลับกันเราได้ช่วยเจ้าหน้าที่ไม่ให้ต้องมาตามลบ เพราะได้วาดภาพบนกำแพงที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านแล้ว ไม่มีใครมีสิทธิ์ไปลบ นอกจากเจ้าของบ้าน ซึ่งตนเชื่อว่าหากยังมีคนตามไปลบภาพอีก ลบเพียง 1 ภาพ อาจจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยภาพ
ทางด้าน นายชวัส จำปาแสน ศิลปินวาดภาพสตรีทอาร์ต กล่าวว่า ตนรรู้สึกว่าที่ผ่านมามีชาวบ้านหลายคนโดนจับข้อหาฆ่าสัตว์ และดำเนินคดีโดยเร็ว แต่กับคดีนี้เหมือนมีความไม่ชอบมาพากล ที่นำไปสู่ความไม่ยุติธรรม ความไม่เท่าเทียม ซึ่งถ้าเรื่องนี้ฝ่ายผู้กระทำผิดไม่ได้ถูกดำเนินคดี อาจเกิดความเชื่อว่า คนที่เงินมากกว่า ก็สามารถทำเรื่องผิดกฎหมายแล้วใช้เงินมาแก้ปัญหาได้
ทั้งนี้ตนทราบว่าการวาดภาพบนกำแพงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เพราะไปวาดบนกำแพงในที่สาธารณะ แต่หลังจากมีโครงการให้ศิลปินและเจ้าของบ้านได้สร้างสรรค์ผลงานเสือดำ ตนจึงได้เข้าร่วมโครงการและได้ไปวาดรูปเสือดำในบ้านละแวกปิ่นเกล้า ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดราว 600 บาท ตนเป็นผู้ออกเอง มองว่าการเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็เหมือนนำเงินไปบริจาค แถมตนยังได้ใช้ฝีมือ ซึ่งผลตอบรับที่ได้กลับมาคุ้มค่าเกินกว่าเงิน 600 บาทที่เสียไป
ขณะที่ น.ส.ภาธีตา กันตามระ หรือดีเจปูเป้ พิธีกรและนักจัดรายการ เจ้าของบ้านที่ นายชวัส ได้ไปวาดรูปเสือดำ กล่าวว่า ตนได้ติดตามข่าวมาตั้งแต่แรก และเกิดความรู้สึกสงสัยว่า มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับคดีหรือไม่ โดยช่วงหลังมีกระแสภาพกราฟิตี้เสือดำบนกำแพงถูกไล่ลบไปทั้งที่ไม่ได้น่าเกลียดหรือมีคำหยาบ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่อ้างว่าลบเพื่อความสะอาด ก็ควรลบภาพบนกำแพงใกล้เคียงกันที่มีการวาดรูปอื่นๆ ออกไปด้วย ทั้งนี้ตนเองไม่ทราบว่าใครลบ แต่คิดว่าบังเอิญเกินไปหรือไม่ ที่จะต้องลบรูปที่แสดงสัญลักษณ์เรื่องเสือดำออกไปทั้งหมด
จนกระทั่ง ตนได้มาติดตามข่าวจากเพจเฟซบุ๊ก A CALL for Animal Rights Thailand ซึ่งเปิดให้จับคู่ระหว่างเจ้าของบ้านกับศิลปิน ตนจึงติดต่อทางศิลปินให้มาวาดรูปเสือดำที่กำแพงบ้านของตน โดยรูปภาพที่ศิลปินได้วาดไว้ เป็นรูปของเสือดำสองตัว กำแพงแรก เป็นรูปเสือดำตัวเมียถูกยิง ส่วนอีกภาพ คือเสือดำตัวผู้กำลังร้องไห้ สื่อความหมายการถูกพลัดพรากคู่ของตัวเอง
ทั้งนี้ตนก็ไม่กลัว หากใครจะมองว่าเกาะกระแสเสือดำ เพราะตนเองมีความรู้สึกไม่พอใจกับคดีนี้ แล้วศิลปินที่วาดภาพก็แสดงออกอย่างเปิดเผย ไม่ได้ไปวาดรูปอยู่บนหัวใคร อีกทั้ง ตนเป็นเจ้าของบ้าน ก็มีสิทธิ์เต็มที่ในการออกแบบสีสัน เหมือนกับตกแต่งกำแพงบ้านเท่านั้น ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน ทั้งนี้เพื่อต้องการให้เกิดการกระตุ้นเรื่องการรักษ์สัตว์ป่าและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ