ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว เลขที่ 139 ม.7 ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีนายฉลอง (สงวนนามสกุล) อายุ 73 ปี เป็นเจ้าของบ้าน โดยเปลวไฟได้โหมไหม้บ้านอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง ทำให้หลังคาเมทัลชีททรุดลงมา เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำสกัดไฟนานกว่า 30 นาที จึงสามารถดับไฟไว้ได้ แต่สุดท้ายบ้านทั้งหลังได้รับความเสียหายทั้งหมดแล้ว จากการตรวจสอบพบว่า จุดต้นเพลิงอยู่ที่บริเวณห้องเก็บของหน้าบ้าน นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บจากการถูกมีดฟันที่บริเวณใบหน้าเป็นแผลฉกรรจ์ ซึ่งชาวบ้านได้นำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาไปก่อนแล้ว
จากการสอบถามนายฉลอง กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้คือนายจตุพร (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของตน ก่อนหน้านั้น เรียนจบการศึกษาระดับปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่ภายหลังมีอาการทางจิต จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จึงชอบเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งในบ้านมีคนอาศัยอยู่ 3 คน คือตน ภรรยา และลูกชายคนเล็ก กระทั่งเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา นายจตุพรได้มาที่บ้านพร้อมกับขนเสื้อผ้าจากห้องนอนน้องชายไปกองอยู่ที่ห้องเก็บของหน้าบ้าน เพื่อเตรียมที่จะจุดไฟเผาบ้าน
นายฉลอง กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นนายจตุรงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นน้องชาย ก็ได้พยายามเข้าไปห้าม แต่ก็ถูกนายจตุพร ใช้มีดฟันที่ศีรษะจนเป็นแผลฉกรรจ์ ก่อนที่จะจุดไฟเผาเสื้อผ้าจนเกิดเปลวไฟลุกไหม้ทั้งบ้าน แล้วหลบหนีไปท่ามกลางความชุลมุน ซึ่งก่อนหน้านี้นายจตุพรก็เคยพยายามเผาบ้านมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ จนครั้งนี้จึงสามารถก่อเหตุได้สำเร็จ โชคดีที่ช่วงเกิดเหตุไฟไหม้ ตนและภรรยาได้วิ่งหนีออกนอกบ้านทัน จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ข้าวของภายในบ้านได้ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด รวมบ้านทั้งหลัง คาดว่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายจตุพร พบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือน ก.ค. 2560 ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับดำเนินคดี ในข้อหาใช้ปากกาเมจิกขีดเขียนข้อความทางการเมือง โจมตีรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บนสะพานลอยคนข้าม หน้าโรงเรียนเมืองนครราชสีมา ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา แต่ถูกปล่อยตัวออกมาเนื่องจากพบว่ามีอาการทางจิต จนกระทั่งมาก่อเหตุจุดไฟเผาบ้านของพ่อตัวเองในครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามตัวนายจตุพรมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป