จากกรณีที่เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 60 ผู้ปกรองของ ด.ญ.น้ำ (นามสมมุติ) อายุ 10 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองลำปาง ให้ดำเนินคดีกับ นายโดด เฒ่าวัย 68 ปี ชาวจังหวัดปาง โดยระบุว่านายโดดได้พา ด.ญ.น้ำ ไปทำอนาจารจำนวนหลายครั้ง ทั้งในห้องน้ำวัด ห้องน้ำในสวนสาธารณะริมเขื่อน โดยแต่ละครั้งนายโดดจะให้เงินกับเ ด.ญ.น้ำ ครั้งละ 300-500 บาท แต่เรื่องมาแดงขึ้น เมื่อมีคนได้ยินเสียงเด็กร้องที่ในห้องน้ำสาธารณะ ก่อนแจ้งผู้ปกครองและแจ้งตำรวจ
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ป้าและแม่ของ ด.ญ.วัย 10 ปี ที่ถูกกระทำอนาจาร นำเอกสารจำนวน 2 ฉบับ และเงินสดจำนวน 10,000 บาท มาพบผู้สื่อข่าวเพื่อขอความช่วยเหลือตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันที่ 7 มี.ค.61 เมื่อเวลา 11.30 น. ผู้สื่อข่าวไปพบนางเอ (นามสมมุติ) แม่ผู้เสียหาย ที่บ้านพักใน อ.เมือง จ.ลำปาง โดยนางเอผู้เป็นแม่ของเด็กหญิงวัย 10 ขวบ เปิดเผยด้วยน้ำตาว่า ถ้าตนเองไม่ถูกเอาเปรียบแบบนี้ ก็ไม่อยากจะออกมาให้ข่าวเพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อจิตใจลูก และยอมรับว่าเป็นคนไปรับเงินจำนวนดังกล่าวจริง เนื่องจากทางลูกชายของคู่กรณีบอกว่าให้ไปรับและบอกว่าเป็นเงินเยียวยาพร้อมให้เซ็นเอกสาร ซึ่งตนเองอ่านหนังสือไม่ออกแต่สามารถเขียนชื่อตนเองได้จึงเซ็นไปและมาทราบในภายหลังว่าเป็นเงินขอให้จบเรื่อง ซึ่งถ้าตนทราบว่าเงินแค่นี้แลกกับเรื่องของลูกคงไม่ยอมเช่นกัน
ด้าน นางบี (นามสมมุติ) ป้าผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวคู่กรณีไม่มีความจริงใจคล้ายกับอาศัยความไม่รู้หนังสือและความยากจนของแม่เด็ก จึงอยากถามกลับไปว่าหากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับลูกหลานของคุณบ้างจะรู้สึกอย่างไร และในวันนี้ (7 มี.ค.) ได้นัดคู่กรณีให้ไปพบพนักงานสอบสวนพร้อมกันเพื่อนำเงินคืนให้คู่กรณีต่อไป
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ป้าและแม่ของ ด.ญ.วัย 10 ปี ที่ถูกกระทำอนาจาร นำเอกสารจำนวน 2 ฉบับ และเงินสดจำนวน 10,000 บาท มาพบผู้สื่อข่าวเพื่อขอความช่วยเหลือตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันที่ 7 มี.ค.61 เมื่อเวลา 11.30 น. ผู้สื่อข่าวไปพบนางเอ (นามสมมุติ) แม่ผู้เสียหาย ที่บ้านพักใน อ.เมือง จ.ลำปาง โดยนางเอผู้เป็นแม่ของเด็กหญิงวัย 10 ขวบ เปิดเผยด้วยน้ำตาว่า ถ้าตนเองไม่ถูกเอาเปรียบแบบนี้ ก็ไม่อยากจะออกมาให้ข่าวเพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อจิตใจลูก และยอมรับว่าเป็นคนไปรับเงินจำนวนดังกล่าวจริง เนื่องจากทางลูกชายของคู่กรณีบอกว่าให้ไปรับและบอกว่าเป็นเงินเยียวยาพร้อมให้เซ็นเอกสาร ซึ่งตนเองอ่านหนังสือไม่ออกแต่สามารถเขียนชื่อตนเองได้จึงเซ็นไปและมาทราบในภายหลังว่าเป็นเงินขอให้จบเรื่อง ซึ่งถ้าตนทราบว่าเงินแค่นี้แลกกับเรื่องของลูกคงไม่ยอมเช่นกัน
ด้าน นางบี (นามสมมุติ) ป้าผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวคู่กรณีไม่มีความจริงใจคล้ายกับอาศัยความไม่รู้หนังสือและความยากจนของแม่เด็ก จึงอยากถามกลับไปว่าหากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับลูกหลานของคุณบ้างจะรู้สึกอย่างไร และในวันนี้ (7 มี.ค.) ได้นัดคู่กรณีให้ไปพบพนักงานสอบสวนพร้อมกันเพื่อนำเงินคืนให้คู่กรณีต่อไป
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
