น.ส.อัจฉรา กล่าวว่า ที่น่าห่วงคือในจำนวนผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ พบเป็นผู้สูงอายุถึงร้อยละ 40 และจากการลงเก็บข้อมูลจากการแจกถุงยางอนามัยให้กับพนักงานขายบริการอิสระรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ทั้งชายหญิงและเพศที่สาม มีกว่าประมาณ 800-1,000 คนต่อวัน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุถึงร้อยละ 60 โดยเพศหญิงพบอายุสูงสุดที่พบคือ 83 ปี ต่ำสุด 12 ปี ส่วนเพศชายพบสูงสุด 46 ปี ต่ำสุด 8 ปี มีรายได้ 300-1,000 บาท
น.ส.อัจฉรา กล่าวว่า ส่วนสาเหตุมาจากทั้งเศรษฐกิจ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ไม่ตอบโจทย์ ความเหงา ต้องการได้รับการยอมรับ การมีตัวตน บางคนไม่ได้ต้องการขายเซ็กซ์ แต่ต้องการความอบอุ่นภายนอก ตัวอย่าง แม่บ้านทหารได้รับเงินบำนาญของสามีเดือนละ 30,000 บาท อยู่แล้ว ยังพบว่ามาทำอาชีพนี้ นอกจากนี้ยังข้าราชการระดับสูง ต้องเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อมาขยายบริการทางเพศ เพื่อหาเงินใช้หนี้บัตรเครดิตจำนวน 2 ล้านบาท
น.ส.อัจฉรา เผยอีกว่า จากการสำรวจนี้ยังพบว่ามีผู้ที่มีรสนิยมทางเพศอื่น ๆ อาทิ ต้องการมีเพศสัมพันธ์กับคนท้อง ซึ่งที่พบคือหญิงท้อง 5 เดือนมาขยายบริการทางเพศ ต้องการผู้ป่วยจิตเวช หรือพบคู่รักอายุ 20 ปีปลาย ๆ ส่งเสริมให้แฟนขายบริการ เพราะเห็นว่ายังไงก็เสียตัวอยู่แล้ว ส่วนกรณีเด็กผู้ชายที่มาขายบริการ ส่วนใหญ่พบว่าติดเกมส์ ติดวัตถุนิยม เช่นเดียวกับเด็กผู้หญิง ทั้งที่บางรายไม่ได้มีฐานะยากจน เด็กบางคนมาจากครอบครัวที่มีเงินด้วยซ้ำ ซึ่งพบมากในช่วงปิดเทอม
"ปัญหาเรื่องนี้เป็นปัญหาใต้พรม เมืองไทยไม่ได้ฟรีเซ็กซ์แบบธุรกิจ แต่เป็นเซ็กซ์ที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งหากตัดเรื่องศีลธรรม ก็จะเป็นอาชีพๆ หนึ่ง อย่างวงการเกอิชาของญี่ปุ่น หรืออย่างบางประเทศที่จัดโซนขายบริการทางเพศถูกกฎหมาย แต่ของไทยอยากให้จัดโซนให้ชัด แต่ไม่ต้องทำให้ถูกกฎหมาย และไม่ผิดกฎหมาย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และลดการล่วงละเมิดทางเพศ" น.ส.อัจฉรา กล่าว