ความคืบหน้าวันที่ 27 ก.พ. จากการสอบถามน.ส.ชนัญชิดา ผู้พบสร้อยคอทองคำ เปิดเผยว่า ตนทำงานเป็นพนักงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในเขตอุสาหกรรมสุรนารี ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ซึ่งในวันเกิดเหตุตนทำโอทีในช่วงกลางคืนและกลับบ้านมาในตอนเช้า เมื่อกลับมาถึงบ้านเวลา 08.30 น. เห็นมีจดหมายในตู้รับจดหมาย จึงเปิดตู้จดหมายออก ซึ่งปกติไม่ได้ล็อคตู้จดหมายไว้ เมื่อเปิดออกก็ตกตะลึง พบสร้อยคอทองคำเส้นใหญ่ 1 เส้น คาดว่าหนักประมาณ 5 บาท วางอยู่ในตู้จดหมาย จึงรีบโทรหาแฟนหนุ่มว่าทราบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ แฟนหนุ่มได้ปฏิเสธ จึงถ่ายรูปบันทึกภาพสร้อยคอทองคำเก็บไว้เป็นหลักฐาน และนำไปสอบถามเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านก็ไม่มีใครทราบเรื่องและได้ตรวจสอบเบื้องต้นว่าเป็นทองปลอม จึงทำให้เป็นที่งุนงงแก่ชาวบ้านบริเวณนั้นอย่างมาก ตนจึงนำสร้อยคอทองคำใส่ถุงและนำไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สภ.เมืองนครราชสีมา และในวันเดียวกันเมื่อเวลา 19.00 น. เพื่อนบ้านของตนก็พบสร้อยคอทองคำอีกเส้นหนึ่ง คาดว่าหนักประมาณ 1 บาท วางอยู่ที่พื้นบริเวณรั้วบ้านตรงข้ามของตน จึงติดต่อฝ่ายนิติบุคคลของหมู่บ้าน เพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ไม่เป็นผล เนื่องจากกล้องวงจรปิดไม่สามารถส่องถึงบริเวณหน้าบ้านของตนได้ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตนและแฟนหนุ่มรู้สึกหวาดระแวง ตกใจ และสงสัยในเจตนาของผู้กระทำเป็นอย่างมาก
ด้านร.ต.ท.นันทิพัฒน์ ก่องขัน รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางน.ส.ชนัญชิดา ได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปบันทึกภาพสร้อยคอทองคำที่อยู่ในตู้จดหมายไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะนำสร้อยคอดังกล่าวไปแจ้งความลงบันทึกประจำกับพนักงานสอบสวนเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สร้อยคอทองคำดังกล่าวไม่ใช่ทองคำจริง แต่เป็นสร้อยคอทองคำปลอม คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มคนที่คึกคะนอง และนึกสนุก นำสร้อยคอทองคำปลอมไปใส่ไว้ในตู้จดหมายชาวบ้านดังกล่าว ทั้งนี้น.ส.ชนัญชิดา ไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกก่อความเดือดร้อนรำคาญแต่อย่างใด เพียงแต่ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากเจ้าของสร้อยคอจะมาติดต่อรับสร้อยคอคืนก็สามารถมาติดต่อรับได้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา