ต่อมาวันพุธที่ 21 ก.พ. ตนจะข้ามฝั่งตอนเช้าแต่ครูแป้งยื้อไว้จนไม่ได้ข้ามฝั่ง จนวันพฤหัสบดีตนตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 3 เพื่อจะข้ามฝั่งออกนอกเกาะสมุย เพราะวันนี้ครูแป้งก็จะข้ามฝั่งไปเตรียมตัวแต่งงานเช่นกัน เลยขอข้ามฝั่งไปทำใจ เพราะยังยอมรับไม่ได้ แต่ครูแป้งยื้อตนเองไว้ไม่ยอมให้ไป จนตนเองบอกว่างั้นก็ไปด้วยกัน ครูแป้งก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ขับรถไปปกติไม่มีอะไร พอลงเรือเฟอร์รี่เที่ยว 06.00 น. และก็ปิดโทรศัพท์ เพราะไม่อยากคุยกับใคร แต่อยากจะคุยกับครูแป้งให้รู้เรื่อง ไม่ได้ลักพาตัวหรือฉุดครูแป้งไป และขณะลงเรือเฟอร์รี่ตนก็แสดงใบขับขี่ยืนยันตัวตนก่อนลงเรือ ไม่ได้ใช้บัตรประชาชนคนอื่น หรือมีคนอื่นไปด้วยตามที่เป็นข่าว
"สุดท้ายครูแป้งก็มาบอกว่าที่ต้องแต่งงานเพราะว่าท้องมันเป็นเหตุผลเดียวที่ต้องแต่งงาน เขาไม่ได้ตั้งใจมันพลาดไปแล้ว เขายังรักเราอยู่ ก็เลยบอกเขาไปว่าทำไมไม่บอกให้รู้ ถ้ารู้ว่าท้องก็ไม่ต้องพามาพูดอะไรกันแล้ว ก่อนจะเปิดโรงแรมพักด้วยกัน 1 คืน" ครูทอม กล่าว
ครูทอม กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 23 ก.พ. ก็จะพาครูแป้งมาส่งที่บ้านระหว่างนั้นมาแวะไหว้พระที่วัดพระบรมธาตุไชยาวรวิหาร จ.สุราษฎร์ธานี และแวะซื้อของฝาก ตอนนั้นก็ปกติไม่รู้เรื่องอะไรที่มีผู้โพสต์ในเฟซบุ๊ก จนมาเปิดโทรศัพท์ก็มีข้อความขึ้นเต็มไปหมด ตอนนั้นก็รู้สึกตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ และครูแป้งให้ไปส่งที่หน้าปากซอยและจะเดินเข้าบ้านไปเอง จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยากให้ครูแป้งออกมาพูดเพราะคนที่รู้ดีอยู่แก่ใจก็คือครูแป้ง รู้ทั้งฝ่ายพ่อแม่ ฝ่ายเจ้าบ่าว และฝ่ายของเราเอง
เรื่องฉุดครูแป้ง ทำลายข้าวของภายในบ้านพัก ใช้บัตรประชาชนคนอื่นเพื่อแสดงตัวตนในการลงเรือเฟอร์รี่ มีบุคคลอื่นร่วมฉุดครูแป้งไปด้วย และบอกว่าตนเองติดพันตามตื้อจีบครูแป้ง เรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง พร้อมกันนี้ทางครูแหม่มกล่าวขอโทษหน่วยต้นสังกัด และเพื่อนอาชีพครูทุกคนจากข่าวที่ออกไปกระทบต่ออาชีพครู และทำให้วงการครูเสื่อมเสียเกียรติ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี ได้ให้ทางผู้อำนวยการโรงเรียนของครูทั้งสองคนทำการสอบสวนพร้อมชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด