ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) กรมสอบสวนกลาง นำโดย ร.ต.อ.บุญยืน ทวนทอง รองสารวัตรปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ลงพื้นที่ติดตามการทำงานของตำรวจ สภ.ปะเหลียน และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ จุดที่เด็กหญิงชาวลาววัย 13 ปี 4 เดือน ถูกลูกชายนายจ้างล่อลวงไปให้เพื่อน ซึ่งเป็นเอเย่นต์ค้ายาบ้าข่มขืนกลางสวนยางพารา เพื่อแลกกับค่ายาเสพติดที่ติดค้างอยู่
ทั้งนี้ การสอบปากคำนายเบส อายุ 27 ปี ลูกชายนายจ้าง ที่นำตัวเด็กหญิงไปจากพ่อ-แม่จากแปลงเพาะพันธุ์กล้ายางที่ทำอยู่ และพาไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นสวนยางพารา ทั้งนี้ นายเบสให้การปฏิเสธ ระบุว่าเด็กหญิงสมยอมกับนายเบิร์ด อายุ 33 ปี โดยไม่ได้ขู่เข็ญบังคับแต่ประการใด และยอมรับว่าพาเด็กหญิงมานอนค้างที่บ้านตนเอง ไม่ได้บังคับ แต่เพราะเด็กไม่อยากกลับบ้าน ส่วนบริเวณที่เกิดเหตุพบว่ายังคงมีขวดเหล้าขวดเบียร์และอื่นๆ กระจายเกลื่อน
ด้าน ร.ต.อ.บุญยืน ทวนทอง รองสารวัตรปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) กล่าวว่า จะนำข้อมูลรายงานไปยังกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์เพื่อพิจารณาต่อไป ส่วนจะเข้าข่ายคดีการค้ามนุษย์นั้น ต้องดูส่วนประกอบหลายอย่างว่ากระทำเพื่อการได้มาซึ่งผลประโยชน์หรือไม่ ต้องรอการสอบสวน ล่าสุดทราบว่าตำรวจเตรียมจะออกหมายจับผู้ต้องหาบางคนในคดีนี้แล้ว
สำหรับคดีนี้ หลังเกิดเหตุทางผู้เสียหายได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ปะเหลียน ในวันที่ 19 ม.ค. และต่อมาเมื่อวันที่ 22 ม.ค. นายเบิร์ด อายุ 33 ปี เอเย่นต์ค้ายาบ้าที่ข่มขืนเด็กหญิงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เสียก่อนในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 80 เม็ด ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดตรัง แต่นายเบส อายุ 27 ปี ลูกชายนายจ้างที่ถูกเด็กหญิงชาวลาว ซึ่งเป็นผู้เสียหายให้การว่า เป็นผู้ล่อลวงตนไปให้นายเบิร์ดข่มขืน และพาตัวไปนอนค้างที่บ้านด้วย โดยไม่ยอมให้กลับไปบ้าน แต่ปล่อยตัวกลับบ้านในวันรุ่งขึ้นนั้น
ขณะนี้ทางตำรวจยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ แต่ยังปล่อยตัวให้ลอยนวลอยู่กับบ้าน และมีการข่มขู่ให้กลับคำให้การตามมา ทำให้เด็กหญิงและครอบครัวเกิดความหวาดกลัว ต้องลาออกจากงานและไปอาศัยหลับนอนกับชาวบ้านคนไทย โดยเฉพาะแม่และเด็กหญิงผู้เสียหายจะต้องย้ายที่นอนทุกคืนด้วยความหวาดกลัว จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดตรังให้เข้าช่วยเหลือดังกล่าว