หัวหน้า”วิเชียร” เล่านาทีจับ”แก๊งเจ้าสัว” เห็นคาตายกปืนเล็งสัตว์!
กระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น. ก็ไปตรวจพบว่ามีกลุ่มบุคคลเข้าไปกางเต้นท์พักแรม ซึ่งจุดที่กางเต้นท์ก็อยู่ในเส้นทางที่ทางกรมอุทยานฯอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษาเส้นทางทางธรรมชาติได้ เพียงแต่ว่าการพักค้างแรมจะต้องพักอยู่ที่บริเวณที่ทำการจุดพิทักษ์ป่าเท่านั้น จะออกไปกางเต้นท์พักผ่อนตามอัธยาศัยไม่ได้โดยเด็ดขาด ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วลาดตระเวนไปพบ ก็ได้เข้าไปพูดคุยพร้อมกับให้คำแนะนำให้ไปกางเต้นท์พักแรมที่จุดพิทักษ์ป่า แต่การพูดคุยก็ไม่ได้รับการตอบสนองหรือไม่ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มบุคคลดังกล่าว ดังนั้นทางชุดลาดตระเวนจึงวิทยุแจ้งมาที่หัวหน้าหน่วยให้ทราบ จากนั้นหัวหน้าหน่วยก็ได้รายงานให้ตนทราบตามขั้นตอน
นายวิเชียร กล่าวต่อว่า ตนจึงสั่งการให้รองหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรนำกำลังเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ประจำวันของเจ้าหน้าที่ของเรา เพื่อให้เขาเข้าใจและปฏิบัติตามแนวทางที่ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรกำหนด เมื่อไปถึงก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากกลุ่มดังกล่าวเช่นเดิม เมื่อไม่ได้รับความร่วมมือ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจเดินตรวจสอบพื้นที่โดยรอบบริเวณจุดที่กางเต้นท์
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า จากนั้นได้ควบคุมตัวชายคนดังกล่าว มาสมทบรวมกันกับกลุ่มชายที่กางเต้นท์อยู่ และระหว่างทางเดินปรากฎว่าเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 20 ตกอยู่ และห่างจากจุดที่พบปลอกกระสุนประมาณ 15 เมตร ก็พบเศษชิ้นเนื้อลักษณะคล้ายกับเครื่องในของสัตว์กองอยู่พร้อมกับถุงใส่เกลือหล่นอยู่ 2 ห่อ เจ้าหน้าที่ที่พบจึงเกิดเอะใจ เพราะตามปกติแล้วสำหรับเกลือไม่น่าจะมาตกหล่นอยู่ในป่า
นายวิเชียร กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานได้ว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวน่าจะมีการล่าสัตว์ป่า และเมื่อนำตัวชายดังกล่าวมาถึงเต้นท์เจ้าหน้าที่จึงขอความร่วมมือจากทุกคนเพื่อขอให้เปิดกระเป๋า รวมทั้งกระติกน้ำแข็งให้เจ้าหน้าที่ดู ผลปรากฏว่าพบซากไก่ฟ้าป่า และเนื้อหมูป่าแช่อยู่ในถังน้ำแข็ง เมื่อพบสิ่งของดังกล่าวจึงเป็นสิ่งแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าเหตุการณ์นั้นเริ่มไม่เป็นปกติแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้พยายามค้นหาสิ่งเทียมประเภทอาวุธปืนว่าจะซุกซ่อนเอาไว้ตรงไหนบ้าง
นายวิเชียร กล่าวด้วยว่า จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนก็ได้เดินทางกลับไปตรวจหาสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มเติมที่บริเวณจุดกางเต้นท์ ปรากฏพบถุงดำอยู่ 1 ถุง จึงเปิดออกมาดูก็พบซากหนังเสือดำอยู่ 1 ซาก ซุกซ่อนอยู่ภายใน ห่างไปประมาณ 5 เมตร พบเครื่องกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋าที่มีใบไม้ใบหญ้าทับเอาไว้ และห่างไปอีกประมาณ 5 เมตร คราวนี้เจ้าหน้าที่พบถุงอีก 1 ใบ ภายในเป็นเนื้อของเสือดำ หนักประมาณ 20 กิโลกรัม เมื่อได้ของกลางทั้งหมด จึงรวบรวมเอาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวตามกฎหมาย
"แต่เมื่อเราจับกุมตัวมาแล้ว ก็ไม่ได้วิตกหรือเกรงกลัวกลุ่มใดกลุ่มเข้ามากดดันหรือแทรกแซงการทำงาน เพราะที่ผ่านมา นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ก็ได้ให้นโยบายและกล่าวย้ำมาเสมอว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่จะต้องทำด้วยความจริงจัง โดยจะต้องไม่ยอมอ่อนข้อให้กับผู้มีอิทธิพลโดยเด็ดขาด สำหรับส่วนตัวแล้วไม่ได้มีความหวั่นไหว และเชื่อว่าคณะเจ้าหน้าที่และทีมงานทุกคนก็ต้องการที่จะอยากเห็นภาพนี้ ภาพที่เกิดขึ้น และการทำงานรักษาป่า อย่างน้อยเจ้าหน้าที่ของเราไม่ได้มีการจับกุมเฉพาะชาวบ้านที่กระทำผิดกฎหมายเท่านั้น โดยคนที่มีความพร้อม หรือมีฐานะทางด้านการเงินที่ดี เมื่อพลาดเข้ามากระทำผิด เมื่อถูกเจ้าหน้าที่จับกุม การปฏิบัติก็ต้องเท่าเทียมกันกับชาวบ้านหรือประชาชนทุกคน" นายวิเชียร กล่าว
นายวิเชียร กล่าวว่า ในส่วนปริมาณของเสือดำนั้น ตนขอใช้คำว่ามีอยู่เป็นจำนวนมาก จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ก็ไม่ได้เพราะมันอาจจะกลายเป็นดาบสองคมสำหรับสัตว์ป่า แต่ก็พูดได้เต็มปากว่า เสือดำเสือชนิดที่ถูกยิงนั้นยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้ตั้งแต่ตนมารับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกได้ 16 เดือนก็ไม่เคยเห็นกลุ่มบุคคลที่ถูกจับกุมมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว