สืบเนื่องเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2561 ด.ญ.ภัทราพร อายุ 11 ปี 7 เดือน บุตรสาว เป็นนักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน กทม. และในวันดังกล่าวบุตรสาวได้เข้าเรียนตามปกติ ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. บุตรสาวเข้าเรียนในคาบที่ 4 ซึ่งเป็นวิชาพละศึกษา โดยนักเรียนทุกได้ลงไปเรียนบริเวณสนาม ขณะที่ที่ครูกำลังสอนมีนักเรียนชายเล่นกันในเวลาเรียน ครูประจำวิชาจึงได้ลงโทษนักเรียนทุกคน โดยการสั่งให้ไปวิ่งรอบสนาม จำนวน 4 รอบ ส่วนบุตรสาววิ่งแล้วล้มลงกับพื้นสนาม เพื่อนๆ เห็นจึงได้นำตัวส่งห้องพยาบาลของโรงเรียน ซึ่งมีอาสาพยาบาลปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยการเช็ดตัวให้ และบุตรสาวพอรู้สึกตัวอยู่บ้าง และพยายามที่จะเดินมากดน้ำดื่ม แต่ก็ได้ล้มลงอีก
จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.45 น. ทางโรงเรียนได้โทรศัพท์ติดต่อมาแจ้งตนว่าให้มารับตัวบุตรสาวกลับ เนื่องจากไม่สบาย ตัวร้อนมาก ต่อมาเวลา 15.30 น ตน และ ยาย ได้เดินทางไปรับตัวบุตรสาวที่ห้องพยาบาล บิดา สังเกตเห็นว่าบุตรสาวมีอาการนอนตัวสั่น หายใจแรง ไม่ลืมตา และบุตรสาวบอกว่าในตัวรู้สึกร้อนมาก และอาสาพยาบาลก็ได้บอกอีกว่า เด็กขอน้ำดื่มอยู่ตลอดเวลา ผู้ปกครองเห็นว่าอาการแย่แล้วจึงรีบอุ้มบุตรสาวออกจากห้องพยาบาลและนำส่ง โรงพยาบาลตากสิน ระหว่างเดินทางไปโรงพยาบาลบุตรสาวมีอาการคลื่นไส้อาเจียน และเริ่มพูดคุยไม่รู้เรื่อง ร่างกายมีอาการเกร็ง จากนั้นก็หมดสติไป
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉิน หมอแจ้งว่าบุตรสาวได้เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลและพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ จากนั้นผู้ปกครอง จึงได้เข้าแจ้งลงบันทึกประจำวันที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา เพื่อขอนำศพบุตรสาว ส่งชันสูตรที่สถานบันนิติเวช รพ.ศิริราช แล้ว ซึ่งจะต้องรอผลชันสูตรอีก 45 วัน และหลังจากที่บุตรสาวเสียชีวิตทางพยาบาลอาสาได้โทรศัพท์ติดต่อมาสอบถามกับ ยาย บุตรสาวว่า เด็กเป็นอย่างไรบ้าง ยาย จึงแจ้งว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว และก็ไม่มีใครติดต่อมาอีกเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นที่ 24 ม.ค ผู้ปกครอง จึงได้เข้าไปติดต่อกับทางโรงเรียน และพบผู้อำนวยการโรงเรียน จึงได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ปรากฏว่า ผู้อำนวยการ แจ้งว่ายังไม่ทราบเรื่องและยังไม่ได้รับรายงานใดๆ เพิ่งจะทราบรายละเอียดที่ผู้ปกครองแจ้ง ณ ขณะนั้น โดยจะขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน จากนั้นผู้อำนวยและคณะครูได้มาร่วมเป็นเจ้าภาพงานศพบุตรสาวใน คืนที่ 3 พร้อมกับมอบเงินช่วยเหลือทางครอบครัวจำนวนหนึ่งเพียงเท่านั้น จนปัจจุบันยังนี้ทางครอบครัวยังไม่ทราบว่าทางโรงเรียนได้ดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
โดยสิ่งที่ผู้ปกครองข้องใจ คือ 1. บุตรสาวเป็นลมตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น.ถึง เวลา 14.45 น. ทำไมทางโรงเรียนถึงไม่แจ้งผู้ปกครองทราบ หรือนำตัวบุตรสาวส่งโรงพยาบาล เด็กอาจจะไม่เสียชีวิต 2. ผู้อำนวยการโรงเรียนหรือ ครู ไม่ได้เข้ามาดูแลบุตรสาวเลย ช่วงเด็กป่วย
ภายหลังรับแจ้ง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสาน พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 8 และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมต่อไป