ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 29 ม.ค. พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผบก.ทล. ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวว่า หลักการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวง มีอยู่ 2 วิธีการ คือ 1.ใช้รถตรวจการณ์ 1 คันโดยมีวิทยุตำรวจทางหลวงประสานความร่วมมือกันกับพนักงานวิทยุเพื่อออกตรวจตราพื้นที่ในเขตรับผิดชอบ โดยมีแบบแผนขั้นตอนในแต่ละจุดแต่ละวัน ซึ่งวิธีนี้ตำรวจในต่างประเทศก็ใช้เช่นกันทั่วโลก กรณีพบผู้กระทำความผิดก็จะให้สัญญาณเพื่อให้จอด มีการว่ากล่าวตักเตือนออกใบสั่งจับปรับตามกฎหมาย ส่วนวิธีที่ 2 คือ การอยู่สังเกตุการณ์เพื่อจับกุมผู้กระทำผิด เช่น มีการขับแซงในพื้นที่ห้ามแซงบนสะพานลงมา ตรงนี้ก็ต้องอยู่บังคับใช้กฎหมายเช่นกัน แต่จะให้ไปใช้รถตรวจก็คงจะไม่ได้ ต้องหยุดเพื่อตรวจจับเท่านั้น
เข้าใจผิด? แจงไม่ใช่ ด่านลอยเป็นยุทธวิธี วอนเห็นใจ2 ตำรวจทำงาน
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าวิธีการที่ 2 มีพี่น้องประชาชนเข้าใจว่าเป็นด่านลอย ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราเป็นการหยุดเพื่อสังเกตการณ์ และจับกุมผู้กระทำผิดหลังจากได้รับการร้องเรียนว่าบริเวณดังกล่าว มีรถบรรทุกวิ่งมาเลนขวาด้วยความเร็วอยู่ตลอดจนทำให้เกิดอันตรายแก่พี่น้องประชาชนได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้มีการตรวจจับรถบรรทุกไป 1-2 รายแล้ว กระทั่งมาพบว่ามีรถยนต์เก๋งขับตามกันมาและมีรถบรรทุกวิ่งอยู่เลนขวาตามหลัง เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีการให้สัญญาณเรียกรถบรรทุกให้หยุด และเมื่อส่งสัญญาณให้หยุดแล้วยังไม่ชะลอความเร็ว ก็ต้องใช้วิธีกระชับช่องทางจราจรหรือบีบช่องทางจราจรให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดการเตือน ซึ่งตรงจุดนี้เองที่เจ้าหน้าที่ต้องออกไปยืนกระชับ ให้ชะลอความเร็วและชิดซ้าย แต่ปรากฏว่ารถบรรทุกไม่ยอมชะลอและไม่ทิ้งระยะห่าง เมื่อห้ามล้อหรือเบรกแล้วก็ไม่ทันรถคันหน้า จึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นดังกล่าว หลังเกิดเหตุตำรวจได้เข้าช่วยเหลือทุกฝ่าย รวมทั้งส่งตัวคนขับรถบรรทุกไปให้ทางสภ.บางปะอินดำเนินคดีแล้ว
"ขอเรียนว่าตรงจุดที่ตำรวจทางหลวงอยู่นั้น ไม่ใช่ด่านลอย แต่เป็นจุดสังเกตุการณ์ก่อนจะจับกุมผู้กระทำผิด อย่างไรก็ตามได้มีการสั่งให้สอบสวนเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดนั้นดังกล่าว ว่าเป็นไปตามขั้นตอนของแผนการตรวจการหรือไม่อย่างไร ยุทธวิธีในการหยุดรถมีความประมาทเลินเล่อหรือไม่อย่างไร และต้องดูว่าเป็นความผิดวินัยด้วยหรือไม่ ถ้าเป็นก็ต้องถูกดำเนินคดี แต่ถ้าไม่เป็นก็ต้องจบตรงนั้น "รองผบก.ทล. กล่าวและเผยอีกว่า
ในแต่ละปี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงที่ต้องเสี่ยงตายออกไปปฏิบัติหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย แล้วถูกรถเฉี่ยวชนเสียชีวิตอยู่หลายนาย ซึ่งก็ต้องมีการปรับรูปแบบการตรวจการณ์ไปเรื่อย ๆ ตำรวจมีหน้าที่คอยตักเตือนพี่น้องประชาชนว่าใครกำลังทำการละเมิดกฎหมาย เพื่อให้สังคมโดยรวมเกิดความปลอดภัย ลองคิดดูว่าถ้ารถ บรรทุกทิ้งระยะห่างพอสมควรแล้วไม่ขับอยู่เลนขวา จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ในวันที่ 30 มกราคม ทางตำรวจทางหลวงจะได้เชิญคู่กรณีทั้งหมดมาเจรจาในเรื่องค่าเสียหายกันต่อไป