ที่เกิดเหตุบริเวณชั้น 3 อาคารผู้โดยสารขาออก เจ้าหน้าที่พบกลุ่มควันจำนวนมากลอยอยู่เต็มอาคาร โดยมีเปลวเพลิงลุกไหม้บริเวณฝ้าเพดานของอาคารทั้งหมด และกำลังลุกลามไปทั่วทั้งบริเวณตามระบบท่อส่งอากาศของอาคาร เจ้าหน้าที่จึงใช้โฟมทำการฉีดสกัด โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่กลุ่มควันยังคงลอยไปทั่วบริเวณอาคาร เปลวเพลิงลุกไหม้ชนวนกันความร้อนและฝ้าเพดาของอาคารในชั้น 3 มากกว่าร้อยละ 40
ขณะที่ผู้โดยสารที่รอการโดยสารในเส้นทางต่างๆในช่วงเช้ารวม 8 เที่ยวบินกว่า 1,000 คน ต่างพากันวิ่งหนีออกจากตัวอาคารทั้งฝั่งขาเข้าชั้น 2 และฝั่งขาออกชั้น 3 อย่างโกลาหล เนื่องจากมีกลุ่มควันจำนวนมากประกอบกับกระแสไฟฟ้าดับทั้งหมด ทำให้เจ้าหน้าที่ของสนามบิน สายการบิน และล่ามแปลภาษา รวมทั้งผู้โดยสารบางส่วนต่างช่วยกันควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้นเพลิงเกิดจากบริเวณห้องควบคุมระบบไฟฟ้าของอาคารสนามบินชั้น 3 ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่ยังคงมีกลุ่มควันจำนวนมากปกคลุมตัวอาคารทั้งหมด ทำให้ต้องมีการสั่งห้ามไม่ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณอาคารเพื่อความปลอดภัย
"จากการตรวจสอบเบื้อต้นพบความเสียหายเฉพาะในส่วนของควบคุมไฟของอาคารเท่านั้น ไม่กระทบต่อการควบคุมการบินแต่อย่างใด แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางสนามบินไม่สามารถที่จะให้บริการแก่ผู้โดยสารได้ในส่วนของการตรวจจำนวนผู้โดยสาร การเช็คอินและระบบอำนวยความสะดวกภาคพื้นทำให้เที่ยวบินพาณิชย์ในช่วงเช้าขาเข้าจากเส้นทางดอนเมือง-เชียงใหม่-และสุวรรณภูมิ ต้องไปลงจอดที่สนามบินอุดรธานีแทน และขาออกขากขอนแก่นไปภูเก็ต-ดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ต้องไปใช้ที่สนามบินอุดรธานีด้วยเช่นกัน" ผวจ.ขอนแก่น กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ประกาศปิดสนามบินขอนแก่นห้ามทำการบินโดยเด็ดขาด จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยทำให้เที่ยวบินพาณิชย์ได้รับผลกระทบทั้งหมดช่วงเช้า ขาเข้า 4 เที่ยวบิน ขาออก 4 เที่ยวบิน และในช่วงเที่ยงขาเข้าและขาออก อย่างละ 4 เที่ยวบินอีกด้วย ทั้งนี้ การจะกลับมาให้บริการได้อีกครั้งนั้น ต้องรอการยืนยันอีกครั้ง เพราะทุกส่วนจะต้องปลอดภัยสูงสุด เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต