พล.ต.ต.ฤชากร กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับ นายพุทธิกร มีพฤติกรรมลักลอบส่งยาในพื้นที่สายไหม และบริเวณใกล้เคียง จึงสะกดรอยติดตามจนพบนายพุทธิกร และนายถิรวัฒน์ ขับรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว ออกมา จึงแสดงตัวขอตรวจค้นพบของกลางยาบ้า 800,000 เม็ด จึงยึดไว้เป็นของกลาง สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาจะนำยามาพักไว้ย่านชานเมือง แลเขตปริมณฑลเป็นยาบ้าที่มาจากกลุ่มว้าใต้ รูปแบบการขนยาไม่มีการอำพรางรถ ซึ่งค่อนข้างท้ายทายเจ้าหน้าที่ตำรวจมากขึ้น
ด้านพ.ต.อ.ประสงค์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการตั้งชื่อฉายาของกลุ่มขึ้น โดยใช้ชื่ออำพรางตั้งขึ้นมา แต่เป็นนายไก่ นามสมมติ เป็นเพื่อนของผู้ต้องหาดังกล่าวที่หลบหนีไปได้ ทำตัวเป็นลูกพี่ไม่ยอมลงไปในพื้นที่ โดยกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวไม่มีงานประจำเป็นหลักแหล่ง โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวทั้ง 2 คนนั้นยังไม่เคยมีประวัติในการก่อเหตุมาก่อน ซึ่งทางชุดสืบสวนได้ดำเนินการจับกุมเครือข่ายยาบ้าที่เชื่อมโยงกันย่านบางนาไป 2 ครั้ง กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวที่ทำหน้าที่ขนส่งยาเสพติดจึงหยุดนำยาเสพติดมาปล่อยประมาณ 2 เดือน
"ทางชุดสืบสวนได้เฝ้าติดตามไว้อยู่แล้ว ก่อนที่จะมารับยาเสพติดบริเวณคลอง 6-คลอง7 จึงดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว โดยคาดว่ายาเสพติดดังกล่าวน่าจะมาจากทางภาคเหนือก็เป็นไปได้ ซึ่งจะประสานทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการตรวจสอบขยายผลอีกครั้ง ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไป" ผกก.สส.บช.น.8 กล่าว
จากการสอบสวนนายพุทธิกร ให้การว่า ยาเสพติดดังกล่าวเป็นของผู้ที่ใช้ชื่อไลน์ (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) เป็นเหมือนเพื่อน ซึ่งรู้จักกันตั้งแต่เดือนส.ค.60 โดยนายลูกไก่ ให้ตนและนายถิรวัฒน์ ไปรับยาจากบริเวณคลอง 5-นครนายก ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันที่ 20 ม.ค. นำยามาเก็บไว้ที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเช่าไว้พักยาเดือนละ 30,000 บาท ตั้งแต่เดือนพ.ย.60 โดยนายลูกไก่จะโทร มาแจ้งให้ไปรับยาและให้ไปส่งยา ทำมาแล้ว 4 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 100,000 บาท ส่วนนายถิรวัฒน์ ทำมาแล้ว 2 ครั้ง ได้ค่าจ้างเท่ากัน
เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท1(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป