ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังหอผู้ป่วยศัลยกรรมเด็ก โรงพยาบาลสุรินทร์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับน.ส.กาญจนา พร้อมทั้งสอบถามอาการของเด็กชายคนดังกล่าวจากนพ.ประวีณ ตัณฑประภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์
น.ส.กาญจนา กล่าวว่า ตามที่เฟซบุ๊กชื่อ "เหงาคิดถึงรอ" ได้ลงรายละเอียดไว้ ซึ่งลูกชายได้ไปกับเพื่อนคนหนึ่ง โดยลูกขับข้างหน้าโดนไม้ฟาดเข้าที่หน้า แล้วโดนก้อนหินขว้าง ซึ่งบริเวณดังกล่าวมักจะเกิดเหตุขึ้นประจำ ส่วนคนที่ซ้อนมากับลูกชายไม่เป็นอะไรแค่บาดเจ็บเล็กน้อย เพราะกระโดดลงจากรถแล้ววิ่งเข้าป่าข้างทาง แต่ลูกชายของตนอาการสาหัส เพราะโดนไม้ฟาดเข้าที่หน้าแล้วล้มลงจนกระโหลกแตก
น.ส.กาญจนา กล่าวต่อว่า อาการล่าสุดของลูกชายมีเลือดคั่งในสมอง 1 จุดใหญ่ และ 2 จุดเล็ก อาการยังไม่ดีขึ้น จึงอยากฝากให้ตำรวจช่วยไปดูแลและติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากกลุ่มที่ก่อเหตุ ได้พากันก่อเหตุบ่อยมาก อย่างไรก็ตาม ลูกชายได้ไปกินข้าวที่บ้านเพื่อนและเล่นเกม ก็ได้กลับบ้านดึกในคืนที่เกิดเหตุ และเพิ่งเป็นครั้งแรก โดยไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ซึ่งชาวบ้านในละแวกนั้นไม่มีใครกล้าผ่านไปมาบริเวณดังกล่าว
"ลูกชายไปกับเพื่อนชื่อกล้า ซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ โดยกลุ่มที่ลงมือก่อเหตุจะพากันมาดักทำร้ายผู้คนประจำเหมือนประกาศโชว์ศักดาตนเอง ซึ่งจะเป็นกลุ่มเด็กแว้น รถจักรยานยนต์ที่ขับขี่มาเป็นสกูปี้สีขาวนั่งอัด 3 กันมา และรถจักรยานยนต์ เวฟ สีดำแดง นั่ง 3 คน ตามกันมา มาก่อเหตุรุมทำร้ายลูกชายตนเพียงคนเดียวใช้ไม้ฟาดที่หน้า จนล้มลงกับพื้นและสลบไป" น.ส.กาญจนา กล่าว
แม่ของเด็กชายผู้เคราะห์ร้าย กล่าวว่า ส่วนเพื่อนลูกชายอีกคนที่อยู่ด้านหน้าชื่อยูโร หันมาเห็นเพื่อน พบกลุ่มผู้ก่อเหตุต่างพาลงมือซ้อมต่อย แม้ว่าลูกตนจะสลบไปแล้ว โดนบีบที่คอและชกเข้าที่ตา ใบหน้า จนสภาพเจ็บสาหัสดังกล่าว เป็นสิ่งที่อำมหิตเกินคน มีชาวบ้านบอกว่ากลุ่มวัยรุ่นที่มักจะรวมตัวกันแว้นรถและก่อเหตุเป็นประจำมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ เป็นกลุ่มบ้านคอโคและบ้านละเอาะ ซึ่งอยู่ในระแวกนั้น ก่อนที่จะเกิดกับลูกตนเอง ก็มีเหตุคนถูกดักทำร้ายบ่อยครั้งที่จุดดังกล่าว ทั้งบาดเจ็บและถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต
น.ส.กาญจนา กล่าวว่า สำหรับอาการลูกชายตนขณะนี้ถือว่ายังสาหัส ต้องคอยดูว่าเลือดที่ออกจากศีรษะบริเวณกะโหลกร้าว หากซึมออกมาอีกก็จะต้องได้รับการผ่าตัด ก็อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ช่วยดูแลบริเวณดังกล่าวด้วย เนื่องจากเกิดเหตุบ่อยครั้งมาก และให้ตำรวจเร่งดำเนินคดีตามจับกลุ่มที่ลงมือทำร้ายลูกชายตนมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
ด้าน นพ.ประวีณ กล่าวว่า หมอทางสมองได้ตรวจเอ็กซเรย์ทางคอมพิวเตอร์ พบว่ามีเลือดออกในสมอง ด้านข้างของสมอง และเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้า เด็กมีอาการปวดหัวและอาเจียน หลังเข้ามารักษาที่โรงพยาบาล ก็รักษาอย่างประคับประคอง เนื่องจากว่าเลือดออกไม่มาก หลังจากประคับประคองแล้วอาการก็เริ่มดีขึ้น เพียงแต่ว่าขณะนี้มีอาการวิงเวียนศีรษะ ถ้าลุกขึ้นมานั่งก็มีอาเจียนอยู่ ซึ่งก็เป็นระยะแรกของการรักษา
นพ.ประวีณ กล่าวต่อว่า ขั้นตอนต่อไป ก็จะรักษาด้วยการดูอาการก่อน ถ้ามีเลือดออกเพิ่มขึ้น เราถึงจะต้องผ่าตัด แต่ถ้าไม่มีเลือดออกเพิ่มขึ้น เลือดออกน้อยลงเรื่อยๆ ปกติก็จะรักษาด้วยการใช้ยา เราจะดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ ก็ถือว่าอาการสาหัส เพราะถึงขั้นกระทบกระเทือนและเลือดออกในสมอง
ขณะที่ พ.ต.ท.รัฐพงษ์ พรมมี สว.สอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้เร่งติดตามกลุ่มที่ก่อเหตุ และรู้ตัวทั้งหมดแล้วซึ่งเป็นเยาวชน และอยู่ระหว่างออกหมายเรียกตัวให้มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งชุดสืบสวนได้มีการเฝ้าจับตาประกบกลุ่มดังกล่าวอยู่ และในช่วงกลางคืนก็จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้าไปสอดส่องตรวจตราถนนเส้นดังกล่าวให้บ่อยขึ้น อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. ญาติได้นำตัวนายเกริกเกียรติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 15 ปี และนายมณฑ์เทพ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 15 ปี เดินทางเข้ามอบตัวแล้ว
จากการสอบสวนหนึ่งในเยาวชนที่เข้ามอบตัว ให้การว่า พวกตนมีเรื่องทะเลาะกับวัยรุ่น หมู่บ้านอื่น จึงพากันมาดักรอทำร้าย พอเห็นน้องสองคนขับรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา ก็เข้าใจว่าเป็นวัยรุ่นคู่อริของพวกตน จึงได้พากันวิ่งออกมาจากที่ซ่อนตัว เพื่อจะทำร้ายน้อง 2 คน แต่รถจักรยานยนต์ของน้องที่ขับกันมาล้มลงก่อน จากนั้น พวกตนก็พากันรุมทำร้าย แต่อีกคนได้วิ่งหนีไปได้
เยาวชนให้การต่อว่า เมื่อทำร้ายน้องได้รับบาดเจ็บแล้ว ก็เห็นหน้าว่าไม่ใช่คู่อริของพวกตน เป็นการทำร้ายผิดคน จึงได้ช่วยกันยกรถจักรยานยนต์ของน้องที่ได้รับบาดเจ็บ ออกไปข้างทาง ก่อนจะพากับหลบหนีไป ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ทำร้ายร่างกายเป็นไม้ ได้โยนทิ้งไว้ใกล้กับที่เกิดเหตุ และจะพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเก็บมาประกอบสำนวนคดีต่อไป พร้อมทั้งตั้งข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้เกิดอาการสาหัส ก่อนให้ลงชื่อรับทราบข้อกล่าว และทางญาติได้ทำเรื่องขอประกันตัวในชั้นศาลต่อไป