"อยากทำความเข้าใจว่าหลายท่านอยากให้ผมใช้คำสั่งมาตรา 44 ก็ต้องอธิบายว่าที่ผ่านมาผมใช้ในเรื่องของการลงโทษ และที่ทำก็เพราะมีหน่วยงานเสนอขึ้นมา เช่น ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแจ้งขึ้นมาว่ามีการสอบสวนแล้วและมีผลออกมาเช่นนี้เห็นควรให้เอาออกก่อนผมจึงใช้มาตรา 44 ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะไปใช้กับใครก็ได้ ผมก็ต้องระวังตัวเองเช่นกัน กรณีนี้ก็เช่นกันก็ต้องรอฟัง ป.ป.ช.จะเสนอเรื่องขึ้นมา อย่าเอามาพันกันว่าทำไมผมไม่ใช้คำสั่งมาตรา 44 ตรงนี้ แล้วไปใช้กับตรงนั้น อีกประการทุกคนอาจจะลืมไปแล้วว่าเรื่องนี้อะไรเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นความบกพร่องส่วนตัว ก็ว่ากันไปตามกฎหมายซึ่งมีอยู่แล้ว เรื่องไหนเป็นเรื่องการใช้งบประมาณแผ่นดินก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่านำสองเรื่องมาปนกัน ถ้าใช้งบประมาณแผ่นดินแล้วทำให้เกิดความเสียหาย มีหลักฐานชัดเจนก็ว่าไปอีกแบบ ขอให้แยกแยะให้ออก ผมคิดว่าเรื่งนี้ควรจะยุติได้แล้ว ปล่อยให้เป็นเรื่องของ ป.ป.ช.ตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนาฬิกาของพล.อ.ประวิตร สื่อต่างประเทศให้ความสนใจและนำไปเปรียบเทียบในเรื่องมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้นำหรือนักการเมืองในต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " เรื่องนี้ขอชี้แจงกับคนก็แล้วกัน คงไม่ต้องชี้แจงกับต่างประเทศ เพราะทุกอย่างก็มาจากคนไทยที่ขับเคลื่อนออกไป แต่ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรก็ได้ชี้แจงด้วยตัวเองไปแล้ว"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีอ่านคำถามของผู้สื่อข่าวที่ถามย้ำเกี่ยวกับเรื่องนาฬิกาของพล.อ.ประวิตร ได้กล่าวอย่างเบื่อหน่าย ว่า "เรื่องนี้ผมไม่ตอบ ไม่มีคำตอบ ถามซ้ำกันอยู่เรื่องเดียวเรื่องของพล.อ.ประวิตร ยืนยันเรื่องนี้ผมไม่ได้ปกป้อง ปิดบังอะไรเลย เป็นเรื่องของกระบวนการตรวจสอบก็ขอให้ฟังจากทาง ป.ป.ช.ก็แล้วกัน ผมก็ได้แต่ทำความเข้าใจเท่านั้น ถ้าผิดก็คือผิด ท่านก็รับอยู่แล้วว่าถ้าผิดก็ต้องออกอยู่ดีก็ไปว่ากันตามกฎหมาย แต่ขอให้แยกแยะให้ออกว่าอันไหนใช้งบประมาณของรัฐ อันไหนเป็นเรื่องส่วนตัว ท่านก็ต้องไปแก้ไขในเรื่องส่วนตัวของท่านในกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระให้ได้ เท่านี้ดีกว่า"
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตร จะลาออกหรือไม่เพราะเริ่มมีกระแสข่าวลือออกมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวสั้นๆว่า " ยังไม่มีการลาออก"