นายเสกสรร กล่าวว่า หลังจากที่ได้ไปรับทราบข้อกล่าวหายาเสพติดไปแล้วนั้น ตนยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากยังคงยืนยันว่าตนตรวจปัสสะวะ ผลตรวจออกมาพบว่าเป็นสีม่วง เกิดจากที่ตนทานยา ไบโพล่าร์ และ ยานอนหลับ โดยในวันที่ 24 ม.ค. นี้ จะนำตัวยาไปให้แพทย์ตรวจสอบ และจะนำใบรับรองแพทย์ จาก รพ.วิชัยยุทธ และตัวยามาส่งให้ตำรวจ ตรวจสอบ ยืนยันว่าไม่มีการเสพยาเสพติดอย่างแน่นอน และขอความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจเข้าตรวจค้นภายในห้องของตน และไม่พบสารเสพติดหรืออุปกรณ์การเสพแต่อย่างใด จากนั้นจึงมีการตรวจปัสสะวะ น.ส.อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์ หรืออีฟ แฟนสาว พบว่า ไม่มีสารเสพติดอยู่ในปัสสะวะ หากตนเสพสารเสพติดจริง น.ส.อภิสร์ญา ก็ต้องมีสารเสพติดด้วย เนื่องจากตนและแฟนสาวอยู่ด้วยกันตลอดเวลา โดยในวันที่ 31 ธ.ค. ตนโดนเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว และให้ตรวจปัสสะวะ ในตอนนั้น ตนสามารถปฏิเสธ ไม่ตรวจปัสสะวะได้ แต่ตนยังคงให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เสมอ จึงอยากขอความเป็นธรรม
นายเสกสรร กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะมีใบแถลงการเซ็นจากเจ้าโอวาส วัดเขาขุนพนม และ คณะกรรมการว่าการยิงปืนนั้น เป็นการยิงปืนเพื่อแก้บน โดย ตนไม่มีความกังวลใจทั้งคดีที่ตนยิงปืนขึ้นฟ้า ในวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่จ.นครศรีธรรมราช ก็ได้เดินทางไปพบศาลอย่างถูกต้องแล้ว และ คดีเสพยาเสพติด ให้โทษประเภท 1 ที่ สน.คันนายาว เนื่องจากตนมั่นใจในหลักฐานที่ตนมี และยังคงสามารถทำงานได้อย่างปกติ หากจะต้องเดินทางไปเล่นคอนเสริต์ที่ต่างประเทศ ก็สามารถขออนุญาติออกนอกประเทศได้ และไม่มีผลกระทบต่อชีวิต ตราบใดที่ประชาชนยังคงให้กำลังใจตนอยู่เรื่อยๆ โดยในส่วยที่ตนไม่ผิด
"อยากขอโทษประชาชน ในเรื่องคดีที่ผมยิงปืนขึ้นฟ้าเท่านั้น เนื่องจากอาจจะหุนหันพันแล่นจนเกินไป ทำให้เกิดข่าวอยู่เรื่อยๆ แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมไม่มีเจตนา ขอโทษประชาชนที่ทำให้ลำบากใจ แต่เรื่องที่ผมไม่ผิด ผมก็จะยังคงสู้ในชั้นศาลว่าศาลจะตัดสินอย่างไร"เสกกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.อำนาจ กล่าวว่า หาผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยให้การว่าเกิดจากการกินยารักษาโรคไบโพล่าร์ โดยจะนำตัวยาและ ใบรับรองแพทย์ มามอบให้กับพนักงานสอบสวน จึงต้องรับฟังพยานหลักฐานของผู้ต้องหา จากนั้นจะนำตัวยาดังกล่าวไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมเมื่อได้ผลพิสูจน์แล้วจึงสามารถสรุปการสอบสวนได้