พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยวัตถุประสงค์ในการกระทำพิธีเซ่นสังเวยสิ่งศักดิ์ดังกล่าวนี้ว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือน ต.ค.-ต้นเดือน พ.ย.60 ตนได้รับการติดต่อจากพรรคพวกเพื่อนฝูง ให้เป็นประธานทอดผ้าป่า ณ วัดแห่งหนึ่ง ใน จ.สระบุรี ซึ่งก่อนถึงวันทอดผ้าป่า ในเวลากลางคืนตนได้ฝันเห็นพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งมาหาและชี้ไปที่องค์สถูปสีเหลืององค์หนึ่งซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าที่ใด และตนก็ไม่รู้จักพระรูปนั้นด้วยจึงไม่ได้สนใจ หลังจากนั้นพระรูปเดียวกันได้มาเข้าฝันตนติดต่อกันอีก 2-3 ครั้ง เมื่อฝันครั้งที่ 4 ตนจึงนำความฝันไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังและสอบถามมีวัดที่ใดบ้างใน จ.สระบุรี ที่มีลักษณะเหมือนความฝันที่ตนเห็นอีกทั้งได้ให้ลูกน้องออกติดตามค้นหา
พล.ต.ท คำรณวิทย์ กล่าวต่อไปว่า ครั้นเมื่อถึงวันทอดผ้าป่า (5 พ.ย.60) ตนและคณะจึงเดินทางมาที่วัดสนมลาว ตั้งแต่ช่วงเช้า จึงขึ้นไปกราบรูปหล่อองค์หลวงพ่อผินะ ที่ประดิษฐานให้ประชาชนกราบไหว้บนศาลากลางน้ำเมื่อพบเห็นภาพถ่าย "หลวงพ่อผินะ" ที่ใส่กรอบตั้งอยู่ด้านหน้าจึงตกใจมากว่า พระสงฆ์ที่ไปเข้าฝันตนหลายครั้งพร้อมชี้ให้เห็นองค์สถูปสีเหลืองนั้นคือหลวงพ่อผินะ ด้วยความสงสัยในปริศนาของหลวงพ่อ ตนจึงสอบถามประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อ คงมีความประสงค์ให้ตนทำอะไรบางอย่าง
พระครูประสาท สรคุณ รักษาการเจ้าอาวาสวัดสนมลาว คณะกรรมการวัด ลูกศิษย์ชาว ต.โคกแย้ จึงกรุณาเล่าเรื่องราวต่างๆ ของหลวงพ่อผินะ ให้ตนฟังจึงได้ทราบว่า หลวงพ่อผินะเป็นพระปฏิบัติสายหลวงปู่มั่นสมัยมีชีวิตอยู่นับเป็นเกจิชื่อดัง 1 ใน 5 รูปของ จ.สระบุรี ก่อนท่านจะละสังขารได้มีพินัยกรรมและสั่งเสียศิษย์ไว้ว่าหากท่านมรณภาพลง ให้นำสังขารของท่านบรรจุไว้ในสุสาน (สถูป) ที่ท่านได้เตรียมก่อสร้างไว้ล่วงหน้าแล้ว พร้อมแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอีกว่าหลังท่านละสังขารไปครบ 10 ปี แล้วจะเกิดฟ้าผ่าที่องค์สถูปของท่าน และท่านได้ถึงแก่มรณภาพลงเมื่อปี พ.ศ.2545 ขณะนั่งวิปัสสนากรรมฐาน (มรณะในท่านั่ง) ญาติโยมจึงดำเนินการตามคำสั่งของท่านโดยการนำสังขารของท่านบรรจุ (ท่านั่ง) ไว้ภายใน (สถูป) ที่ท่านเตรียมไว้ครั้นครบ 10 ปี ได้เกิดฟ้าผ่าที่องค์สถูปจริงๆ