น.ส.แดง กล่าวว่า หลังจากวันนั้นลุงก็ได้พาตนออกทะเลไปหาปลาเล็กมาทำเป็นอาหารเลี้ยงปลากะพง ก็ได้บังคับข่มขืนตนเรื่อยมา จึงคิดว่าถ้าหากอยู่ที่นี่ต่อไปจะถูกลุงข่มขื่นเรื่อยไป จึงได้ออกอุบายว่าคิดถึงบ้านขอกลับไปเยี่ยมพ่อและย่า โดบลุงกับป้าให้เงินค่ารถ 1,000 บาท พอกลับมาอยู่บ้านประจำเดือนก็ไม่มา ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติของสาวทอม แต่จากนั้นพบว่าท้องเริมโตและเหมือนมีบางสิ่งในท้องดิ้น ทำให้ย่าสงสัยพาไปหาหมอตรวจครรภ์พบว่าตั้งท้องได้ 6 เดือนแล้ว จึงได้บอกความจริงให้พ่อและย่าทราบ
ด้านผู้เป็นย่า อายุ 67 ปี เผยว่า
เมื่อทราบว่าหลานสาวท้องเพราะถูกลูกเขยผู้เป็นลุงข่มขืน จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามว่าทำไมต้องมาทำกับหลานแบบนี้ โดยได้รับคำตอบว่าอยากให้หลานสาวที่เป็นทอมเป็นผู้หญิงจริงๆ และพร้อมยินดีรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ภายหลังผู้เป็นลุงของเด็กกลับปฏิเสธ ว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ทำอะไร และไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น ตนเสียใจมากจึงอยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่พวกตนมีฐานะยากจนไม่มีเงินที่มาใช้จ่ายหรือจ้างทนาย จึงอยากให้ทางราชการหรือส่วนเกี่ยวข้องมาช่วยเหลือด้วย ต่อมา นางสาวสุพัตรา อารีรมย์ นักจิตวิทยาบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดบึงกาฬ พร้อมเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบึงกาฬ ได้เข้าพบกับเด็กและครอบครัว
โดย นางสาวสุพัตรา กล่าวว่า หลังจากมาพบกับครอบครัวน้องแดงผู้เสียหายแล้วมีความประสงค์ยกลูกที่จะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าให้อยู่ในความอุปการะของบ้านพักเด็กและครอบครัวบึงกาฬ เบื้องต้นได้มอบเงินช่วยเหลือ 2,000 บาท และจะพาไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานการถูกข่มขืนจนตั้งท้องที่ สภ.เมืองบึงกาฬ ก่อนที่จะให้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับลุงที่ข่มขืนหลานที่ สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุต่อไป หลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย