10 ม.ค. แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกขโมยบัตรประจำตัวประชาชนไปใช้เปิดบัญชีกับสถาบันการเงิน 7 แห่ง จนต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเงินผู้เสียหาย ว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมไม่สามารถเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือได้ เพราะผู้เสียหายไม่ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมเพื่อรับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากกระทรวงยุติธรรม
เบื้องต้นสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องเข้าไปตรวจสอบสถาบันการเงินทั้ง 7 แห่ง ที่อนุญาตให้นำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปเปิดบัญชีถึง 9 บัญชี เพราะเป็นหน้าที่ในการกำกับดูแลโดยตรงของปปง. ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายฟอกเงิน ที่สถาบันการเงินต้องตรวจสอบลูกค้าก่อนอนุญาตให้เปิดบัญชี โดยกำหนดวิธีการแสดงตนของลูกค้าไว้อย่างละเอียด เพื่อป้องกันการนำบัตรประชาชนของบุคคลอื่นมาใช้เปิดบัญชี เช่น ลูกค้าที่เปิดบัญชีต้องให้ชื่อนามสกุลจริง วันเดือนปีเกิด เลขประจำตัวบัตรประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน อาชีพ สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ และอีเมล์
สำหรับบทกำหนดโทษจากการไม่ตรวจสอบ เพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้ามีโทษปรับบัญชีละ 1 ล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะแก้ไขให้แล้วเสร็จ