นายกรวิวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้นำจิวเวอรี่ส่งให้ลูกค้า 2 ชิ้น ชิ้นแรกส่งไปกรุงเทพมหานคร ส่วนชิ้นที่ 2 ส่งไปที่ จ.จันทบุรี โดยได้นำสินค้าไปฝากส่งยังที่ทำการไปรษณีย์สาขาตลาดคำเที่ยง โดยส่งพัสดุแบบลงทะเบียนอีเอ็มเอส พร้อมซื้อประกันเพิ่มอีกเป็นเงิน 815 บาท ซึ่งสินค้าจะต้องส่งถึงมือผู้รับภายในวันที่ 6 ธันวาคม แต่พัสดุชิ้นที่ส่งไป จ.จันทบุรี กลับไม่ถึงมือผู้รับ สอบถามได้รับคำตอบว่าพัสดุตกค้างระหว่างการขนส่งที่ อ.ศรีราชา จึงอดทนรออยู่นานหลายวันแต่ก็ไร้วี่แวว
จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา ตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามอีกครั้ง ก็ได้รับคำตอบว่าพัสดุสูญหาย ซึ่งตนจะได้เงินชดเชย 50,000 บาท จากวงเงินประกัน ส่วนสาเหตุที่พัสดุสูญหาย อีกฝ่ายอ้างว่าพัสดุดังกล่าวจัดส่งโดยเอกชนที่เข้ามารับช่วงขนพัสดุให้กับไปรษณีย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า ทราบตัวบุคคลที่นำพัสดุไปแต่ไม่สามารถติดตามตัวได้
ทั้งนี้ นายกรวิวัฒน์ เผยว่า การเข้าแจ้งความครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติม แต่ต้องการได้สินค้าคืน แลต้องการให้ไปรษณีย์หาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมาย เพราะหากตนเองยอมรับเงินประกัน เกรงว่าอาจจะเกิดเหตุซ้ำรอย ส่วนสินค้าที่สูญหายนั้น เป็นกำไลที่ประกอบด้วยไพลิน 5.94 กะรัต และเพชร 2.90 กะรัต ส่วนตัวกำไลเป็นทองคำ 95 เปอร์เซนต์ น้ำหนัก 39 กรัม มูลค่าประมาณ 150,000 บาท
ด้าน พ.ต.ท. วิชิต เสล่า พนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก กล่าวว่า เบื้องต้นจะสอบปากคำผู้เสียหาย รวมทั้งจะเรียกเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อไล่เรียงและลำดับขั้นตอนวิธีการส่งพัสดุ รวมทั้งเส้นทางในการขนส่ง หากพบว่าพัสดุสูญหายในขั้นตอนใด และใครเกี่ยวข้องก็จะเรียกตัวมาสอบสวนอีกครั้ง หากพบว่าผู้ใดเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที