นายเจริญ ซึ่งเป็นพี่เขยของนายสาคร กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจากภรรยาซึ่งเป็นพี่สาวของนายสาครว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง โทรศัพท์มาแจ้งว่า ให้ไปรับศพของนายสาคร ที่คณะแพทย์ศาสตร์วชิระพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กรุงเทพฯ เนื่องจากนายสาครเสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อในทางเดินอาหาร โดยเสียชีวิตที่ห้องเลขที่ 20 บ้านเลขที่ 236/3 ปรินายก 6 ราชดำเนิน แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา
นายเจริญ กล่าวต่อว่า ตนจึงพร้อมด้วยนายนครชัย และญาติพี่น้อง จึงว่าจ้างรถยนต์รับจ้าง 10,000 บาท ไปรับศพของนายสาคร โดยได้ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง จากนั้น ไปติดต่อขอรับศพนายสาคร ที่คณะแพทย์ศาสตร์วชิระพยาบาล โดยมีหนังสือรับรองการตายของคณะแพทย์ศาสตร์วชิระพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ที่ ว.414/2560 ลงวันที่ 21 พ.ค. 2560 และมีใบมรณบัตร สำนักทะเบียนท้องถิ่น เขตพระนคร เลขที่ 01-10014331 ตามคำร้องที่ 5203/2560
ด้าน นายนครชัย กล่าวว่า ขณะที่ไปรับศพนายสาครนั้น ตนและญาติพี่น้องได้ขอดูศพของนายสาคร แต่เจ้าหน้าที่เปิดศพให้ดูแค่หน้าอก ซึ่งพบว่าศพเริ่มบวมขึ้นอืดแล้ว แต่ที่ผิดสังเกตคือ ฟันของศพจะยื่นออกมา ซึ่งผิดจากข้อเท็จจริงที่นายสาครจะมีฟันหลอบริเวณฟันด้านหน้า ซึ่งตนได้แจ้งความผิดสังเกตนี้ให้เจ้าหน้าที่ทราบแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ศพเสียชีวิตหลายวันแล้วเริ่มบวมขึ้นอืดให้รับออกไปได้ ตนกับญาติพี่น้องจึงได้รับศพของนายสาครกลับมาทำบุญที่บ้าน โดยกลับมาถึงบ้านเหล่าฝ้าย เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา และได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศล 3 วัน จากนั้น ได้ฌาปนกิจศพที่วัดบ้านเหล่าฝ้าย จากนั้นนำอัฐิเข้าบรรจุในเจดีย์เรียบร้อยแล้ว
นายนครชัย กล่าวต่อว่า ต่อมาช่วงค่ำของวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า นายสาคร ได้เดินทางกลับมาที่บ้านเหล่าฝ้าย ซึ่งตนและญาติพี่น้องต่างพากันตื่นตกใจมาก เพราะคาดไม่ถึงว่า ทำบุญเผาศพนายสาครไปแล้ว แต่นายสาครกลับมาที่บ้านอีก และเมื่อเข้าไปจับตัวของนายสาครดูแล้ว จึงรู้ว่าเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่ผี จึงได้แจ้งให้ นายวีระศักดิ์ แม่นทอง ผู้ใหญ่บ้านเหล่าฝ้ายทราบ และได้มาพบกับนายสาคร ซึ่งนายวีระศักดิ์ ซึ่งรู้จักนายสาครเป็นอย่างดีได้ยืนยันว่า เป็นนายสาครตัวจริง
ด้าน นายสาคร กล่าวว่า ตนได้ออกจากบ้านไปทำงานบนเรือประมงที่ จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. 2559 และระหว่างที่ทำงานอยู่ในเรือประมงนั้น มีชายชาวเมียนมาคนหนึ่งที่ทำงานบนเรือประมงด้วยกันได้มาแย่งเอาบัตรประชาชนของตนไป ซึ่งตนได้พยายามแย่งเอาบัตรประชาชนคืนแล้ว แต่ไม่สามารถจะเอาบัตรประชาชนของตนคืนจากชายชาวเมียนมาได้ และชายชาวเมียนมาได้ขึ้นจากเรือประมงหนีไป จากนั้น ตนได้ไปแจ้งความบัตรประชาชนหายและขอทำบัตรประชาชนใหม่ที่ อ.ขะนอม จ.นครศรีธรรมราช
นายสาคร กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ตนก็ทำงานอยู่บนเรือประมงนาน 1 ปี 2 เดือน จึงได้เดินทางกลับมาบ้าน และพบว่ามีการเผาศพของชายไม่ทราบชื่อ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นศพของตนไปแล้ว ตนจึงขอร้องทุกข์ขอชีวิตคืนให้ตนด้วย เพราะตนยังไม่ได้ตายจริง แต่ตามหลักฐานทะเบียนราษฏร์ได้ระบุว่าตนเสียชีวิตแล้ว ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่ นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้ตรวจสอบดูแล้ว เห็นว่าเป็นนายสาครที่เป็นลูกบ้านของตนจริง ดังนั้น ตนจะได้นำตัวนายสาครไปพบกับนายอำเภอโนนคูณ เพื่อรายงานเรื่องนี้ให้ทราบ เพื่อขอให้พิจารณาให้การช่วยเหลือนายสาครเพื่อแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป