“เรืองไกร”เชื่อ“ประวิตร”แจงปม“นาฬิกาหรู”ลำบากหากป.ป.ช.เอาจริง
เมื่อวันที่ (6 ธ.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 หลังเธอเคยให้การต่อศาลฎีกาในการพิจารณาคดียึดทรัพย์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า มอบเงิน2ล้าน5แสนบาท ให้กับนางพินทองทา คุณากรวงศ์ หลานสาว เพื่อซื้อนาฬิกาเรือนนี้ให้ แต่นาฬิกาดังกล่าวกลับไม่ปรากฎอยู่ในรายการบัญชีทรัพย์สินของนางสาวยิ่งลักษณ์
ในคดีนี้ป.ป.ช.ใช้เวลาสอบสวนนานเกือบ 3 ปี เริ่มจาก ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ช่วงต้นปี 2557 จากนั้นปลายปี 2558 ชุดทำงานส่งข้อมูลให้กับคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อพิจารณา ก่อนที่เรื่องจะจบด้วยการเปิดเผยข้อมูลจากป.ป.ช.ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์สามารถชี้แจงข้อมูลได้ว่าขายนาฬิกาเรือนดังกล่าวไปก่อนเข้ารับตำแหน่งและนำเงินส่วนนี้ไปซื้อเครื่องเพชร ซึ่งเป็นรายการที่บรรจุอยู่ในบัญชีทรัพย์สินถูกต้อง
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย ยอมรับว่า กรณีของพล.อ.ประวิตร คล้ายกับกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ แต่การตรวจสอบที่มาที่ไปทรัพย์สินของพล.อ.ประวิตร เชื่อว่า ทำได้ง่ายกว่า เพราะพล.อ.ประวิตร แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อเนื่องมามากกว่า 10 ปี ตั้งแต่สมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก ปี 2547 แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสถานะเป็นนักธุรกิจก่อนจะเข้าสู่สนามการเมือง นั่นหมายว่า ป.ป.ช.รับตรวจสอบเรื่องนี้ ก็จะทำได้ไม่ยาก
เพราะถ้าพล.อ.ประวิตร ระบุว่า เป็นของเก่าซื้อมานานแล้ว ก็ต้องตอบคำถามได้ว่า เหตุใด ไม่ปรากฎอยู่ในบัญชีทรัพย์ แต่หากชี้แจงว่า ซื้อมาได้ไม่นาน ก็ต้องตอบคำถามว่า เงินที่นำมาซื้อ เป็นรายได้มาจากแหล่งใด และยังสามารถดูรายละเอียดย้อนหลังในบัญชีทรัพย์สินได้ด้วยว่า เงินที่นำมาซื้อนาฬิกาและแหวนเพชร มีเงินหรือทรัพย์สินส่วนใดในบัญชีลดลงหรือไม่
การแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ตามกฎหมายให้มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท รวมถึงอาจถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี สำนักข่าวอิศราเคยรายงานว่า มีนักการเมืองท้องถิ่น-ระดับชาติ รวมถึงข้าราชการ อย่างน้อย 324 คน ถูกศาลฎีกาตัดสินให้จำคุกในคดีแจ้งบัญชีเท็จ เช่น นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกลาโหม
Cr:: PPTV