ศาลจังหวัดนครพนม นั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาให้กับผู้ร้องและผู้คัดค้าน โดยเริ่มจากมูลเหตุในคดีในช่วงการขับรถชนคนตายโดยประมาท นำไปสู่การติดคุกแล้วนำมาสู่การรื้อฟื้นคดี สรุปสาเหตุที่ศาลฎีกาได้ยกคำร้องการรื้อฟื้นคดีของนางจอมทรัพย์ในครั้งนี้มีอยู่ 2 ประเด็นที่น่าสนใจ คือประเด็นแรกศาลฎีกาบอกว่าพยานหลักฐานที่นางจอมทรัพย์นำสืบในช่วงวันที่ 8-10 ก.พ.60 ช่วงการรื้อฟื้นคดีทั้งพยานที่ได้จากการตรวจสอบรถยนต์ ทะเบียน บค 56 สกลนคร และพยานหลักฐานพยานบุคคลที่นำสืบในช่วง 3 วันที่ผ่านมาเป็นพยานหลักฐานเดิม
ปิดฉากคดีแพะ!ครูจอมทรัพย์เครียด แต่ยอมรับคำตัดสิน-ตร.จ่อฟันพยานเท็จ(คลิป)
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำให้การของพยานก็คือนางทัศนีย์มีลักษณะไม่น่าเชื่อถือ เพราะให้การวกไปวนมา และไม่เหมือนเดิมทั้ง 3 ครั้ง ในขณะที่พยานคนอื่นอย่างเช่นนางทองเรศ ซึ่งนางทัศนีย์อ้างว่าเป็นผู้ที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาในวันที่เกิดเหตุก็ไม่ได้ให้การ ไม่ได้เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนตั้งแต่ครั้งแรกในวันที่เกิดเหตุ แต่มาปรากฏตัวในภายหลัง ทำให้ไม่มีความน่าเชื่อถือที่จะสามารถสนับสนุนให้เห็นได้ว่าสิ่งที่พยานได้เบิกความในชั้นให้การนั้น ไม่น่าเชื่อถือและไม่เป็นความจริง
นอกจากนี้ศาลยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีของนายสับ วาปี รวมทั้งรถยนต์ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ที่นายสับ วาปี อ้างว่าขับรถไปชนในวันเกิดเหตุไม่ใช่รถของนางจอมทรัพย์ ซึ่งศาลเห็นว่าในการให้ปากคำของนายสับ วาปี ที่เข้าให้ปากคำกับตำรวจและสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือในสำนวน โดยอ้างว่าได้ขับรถเพื่อออกไปหาซื้อไม้ยูคาลิปตัส เพื่อนำมาขายแต่ว่าช่วงเกิดเหตุนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ซึ่งผิดปกติวิสัยของผู้ที่จะรับซื้อไม้ แต่ก็บอกว่าได้มาขับรถชนคนตายในวันที่เกิดเหตุ ทำให้ศาลที่ตั้งข้อสังเกตในคำให้การของนายสับ วาปี นั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 8-10 ก.พ. ที่มีการสืบพยานนายสับ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะเป็นคนให้รายละเอียดเรื่องของการรับสารภาพครั้งนี้ กลับไม่เข้ามาเบิกความ ในชั้นศาลซึ่งทำให้ศาลมองว่าอาจเป็นการหลีกเลี่ยงการซักค้านจากฝ่ายของผู้คัดค้าน คือฝ่ายอัยการ ทำให้คำร้องขอรื้อฟื้นคดีของนางจอมทรัพย์นั้น ถูกยกคำร้องนที่สุด นั่นหมายความว่าทั้งพยานหลักฐานที่ได้จากการตรวจพิสูจน์รถยนต์ บค 56 สกลนคร ทางนิติวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญจากหลายด้าน ทั้งการตรวจแผ่นป้ายทะเบียนการตรวจร่องรอยการเฉี่ยวชน รวมทั้งการตรวจสีรถนั้นเป็นพยานหลักฐานเดิมที่เคยนำสืบมาแล้วทั้ง 3 ศาลและพยานบุคคลที่นำสืบในชั้นศาลนั้นก็ไม่มีความน่าเชื่อถือ ที่สำคัญคือคำให้การนายสับ วาปี ที่เข้าไปรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้ว่าเป็นคนขับรถชน ไม่น่าเชื่อถือ
ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องของนางจอมทรัพย์ในที่สุด
ด้าน นางจอมทรัพย์ ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า รู้สึกเสียใจแต่น้อมรับคำตัดสินของศาลในวันนี้ ตนได้สู้จนถึงที่สุดแล้ว แม้ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด แต่ชีวิตต้องอยู่ต่อไปให้ได้ และขอให้เชื่อมั่นในตน ต่อจากนี้จะเดินหน้าขอยื่นเรื่องกลับเข้ารับราชการครูอีกครั้ง
หลังให้สัมภาษณ์เสร็จ นางจอมทรัพย์ พร้อมบุตรชายได้เดินฝ่าวงล้อมสื่อมวลชนไปขึ้นรถกลับในทันที
ด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิราพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีในขณะนั้น กล่าวว่า จะมีการดำเนินคดีผู้ที่มาเป็นพยานให้การเท็จฝั่งนางจอมทรัพย์ ซึ่งอาจจะมีผู้ถูกดำเนินไม่ต่ำกว่า 9 คน