โดยช่วงเช้าทนายฝ่ายกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม ที่ให้การช่วยเหลือนางจอมทรัพย์ ตามคำร้องทุกข์ ได้ยื่นหนังสือ เพื่อขออนุญาตศาลจังหวัดนครพนม ให้พิจารณาอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา เนื่องจากตามกำหนดจะมีการนัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 7 ธ.ค.60 ทั้งนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ รวมถึงในขั้นตอนของทางฝ่ายกฎหมาย และเจ้าตัว คือนางจอมทรัพย์ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครพนม เพื่อให้พิจารณาอ่านคำพิพากษา ในวันนี้คือวันที่ 17 พ.ย. 2560 เวลา 13.00 น.
บรรยากาศบริเวณศาลจังหวัดนครพนม เริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ระดมกำลังเข้ามาดูแล อำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัย เนื่องจากคดีนี้คาดว่า จะมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชน ที่ให้ความสนใจ เดินทางมาร่วมลุ้นฟังคำพิพากษาจำนวนมาก เพราะถือเป็นการชี้ชะตาของ นางจอมทรัพย์ หลังออกมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม ว่าตกเป็นแพะ ทำให้กลายเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ และในวันนี้คำพิพากษา จะมี 2 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1 หากผลการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกา ครั้งนี้ คือ ยืนตามคำพิพากษาชั้นต้นและศาลฎีกาเดิม หรือยกฟ้อง หมายถึงการพิจารณาตัดสินคดีที่ผ่านมา ถือว่าถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม และแสดงว่า นางจอมทรัพย์ ไม่ได้เป็นแพะตามคำร้อง
ต่อมาเวลา 11.30 น. นางจอมทรัพย์ พร้อมนายภูมิสิทธิ์ เอื้อมบุญสุข และนายพงศา ราตรี ทนายความนางจอมทรัพย์ นายชาญวิทย์ เพียรแสน นักทัณฑะวิทยา สำนักปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางมาที่สนามบินนครพนม เพื่อมารับนางวาสนา เพชรทอง หลานสาวซึ่งเป็นผู้ไปยื่นร้องเรียนยุติธรรมให้รื้อฟื้นคดีเมื่อปี 2556 และ นายพิมพ์รดา แสนเมืองโคตร วัย 29 ปี บุตรชายนางจอมทรัพย์ จากนั้นนางจอมทรัพย์พร้อมคณะเดินทางไปที่แลนด์มาร์คริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.เมือง เพื่อกราบไหว้พญาศรีสัตตนาคราช โดยนางจอมทรัพย์ นำพวงมาลัยไปเซ่นไหว้ขอพรหน้าพญานาค และที่บริเวณฐาน ก่อนเดินทางไปที่ศาลจังหวัดนครพนม เพื่อฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา
นางจอมทรัพย์ กล่าวก่อนขึ้นไปบนศาลว่า ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้หลังรอคอยมานานกว่า 10 ปี ถ้าบอกว่ากังวลก็กังวลอยู่แต่ไม่มาก แต่มีความพร้อมที่อยากจะฟังก่อนศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 7 ธ.ค. คดีจะได้สิ้นสุดสักที ผลที่ออกมาอย่างไรตนก็น้อมรับคำพิพากษาและครอบครัวจะได้อยู่เป็นสุขสักที และจะได้ไม่พะวงกับการรอคอยอะไรอีก และขอขอบคุณสื่อมวลชน ประชาชนจำนวนมากที่คอยให้กำลังใจมาโดยตลอด
จากนั้นนางศิริพันธ์ จำปามูล ตัวแทนครูจาก จ.สกลนคร มอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ ซึ่งนางจอมทรัพย์กล่าวขอบพระคุณสมาพันธ์ครูแห่งประเทศไทย ที่มาให้กำลังใจด้วยก่อนเดินทางขึ้นไปห้องพิจารณาที่ 1 บนชั้น 2 ศาลจังหวัดนครพนม
ด้านนายชาญวิทย์ กล่าวว่า หากศาลมองกรณีมีการพบพยานหลักฐานใหม่ที่ครูขอรื้อฟื้นคดีก็มีความมั่นใจสูง ซึ่งกระบวนการต่อไปก็ต้องหาคนรับผิด ถ้าหากนางจอมทรัพย์ชนะคดี จริงในทางกฎหมายจะมี พ.ร.บ.เยียวยา โดยนางจอมทรัพย์ จะเยียวยาวันละ 500 บาท รวมทั้งค่าทนาย แต่ต้องมีสัญญาจ้างด้วย