เจอปืนใหญ่โบราญช่วงกรุงศรีแตก แผ่นดินกลบฝังนานร้อยกว่าปี
พล.ร.ต.สมัย กล่าวต่อว่า สำหรับกระบอกปืนใหญ่โบราณที่มีน้ำหนัก 5 ตันนั้น พบกว่า เป็นกระบอกปืนใหญ่ที่หล่อจากประเทศอังกฤษ จากนั้นได้ขายต่อให้กับไทยในช่วงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความยาว 10 ฟุต ปากกระบอกของปืนกว้าง 10 นิ้ว มีตราสัญลักษณ์มงกุฎของประเทศอังกฤษ และมีหมายเลขประจำปืนสลักวันที่และปีที่ผลิตด้วย
ซึ่งที่ขุดพบมีกระบอกปืนใหญ่โบราณหลายขนาดคละกันไป โดยขนาดใหญ่สุดมีความยาว 10 ฟุต จำนวน 1 บอก และความยาว 8 ฟุต จำนวน2 กระบอก นอกจากนี้ยังมีกระบอกปืนใหญ่ขนาดกลางที่หล่อขึ้นในประเทศฝรั่งเศสยุคนโปเลียน 1 กระบอก คาดว่าเป็นปืนที่ทหารอังกฤษยึดมาจากฝรั่งเศส เมื่อครั้งที่รบชนะแล้วนำมาขายให้ไทย พร้อมกระบอกปืนของอังกฤษ ส่วนที่เหลืออีก 8 กระบอก เป็นขนาดเล็กลงมา คาดว่าเป็นปืนที่ไทยหล่อขึ้นเองในยุคธนบุรี เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ไทยต้องเร่งสร้างอาวุธที่โรงหล่อหลวงใต้วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ซึ่งก็คือโรงงานหล่อหลอม กองโรงงานอู่ทหารเรือธนบุรีในปัจจุบัน ทางกองทัพเรือจึงได้เชิญนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ และด้านปืนใหญ่ โลหะกรรมมาตรวจดู และค้นคว้า พบว่าเป็นปืนประจำเรือรบโบราณ และป้อมปืนที่รักษาพื้นที่เขตพระนคร เช่นเดียวกับป้อมวิไชยประสิทธิ์ ที่สร้างสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เรียกตามชื่อผู้อำนวยการสร้างตอนนั้นว่าป้อมวิไชยเยนทร์ โดยกระบอกปืนใหญ่เหล่านี้ถูกฝังดินมามากกว่า 130 ปี แต่ยังอยู่ในสภาพดี ซึ่งเป็นปืนโบราณในยุคที่ต้องอัดลูกปืนใหญ่และดินปืนใส่ทางปากกระบอกปืน
อีกทั้งในพื้นที่บริเวณนี้ เป็นพระนิเวศน์ของสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก หรือรัชกาลที่1 ก่อนขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ของราชจักรีวงศ์ที่มีการทำโรงหล่อปืนใหญ่และอาวุธต่างๆ ไว้สู้กับพม่า ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่เราหล่อเอง โดยใช้สำริด รวมทั้งการซื้อปืนจากอังกฤษ เพื่อมาปกป้องชาติบ้านเมือง
"ปืนใหญ่เหล่านี้ เปรียบเป็นทหารผ่านศึกที่ได้รับใช้ชาติมาแล้ว ปกป้องชาติบ้านเมืองจากศัตรู เราจึงต้องให้เกียรติ ไม่ปล่อยให้ฝังดิน และต้องนำขึ้นมาไว้ในพื้นที่ที่เหมาะสม รวมทั้งทำพิธีบวงสรวง และนำมาเตรียมจัดตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์อู่เรือหลวงเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา อย่างไรก็ตามเราต้องขอบคุณบรรพบุรุษที่ได้ทำการเก็บรักษากระบอกปืนใหญ่ให้กับลูกหลานชาวไทยได้ศึกษาถึงประวัติศาสตร์ของชาติไทย" พล.ร.ต.สมัย กล่าว. ..